วิธีการตรวจเอชไอวีและหลักการสำคัญที่ต้องรู้
เชื้อไวรัสเอชไอวีเป็นสาเหตุของการนำไปสู่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่ทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ยังไม่สามารถคิดค้นยา ที่มีประสิทธิภาพในการรักษาให้หายขาดได้ 100% แต่มีเพียงยาที่ใช้ในการต้านไวรัสเอชไอวีเท่านั้น จึงทำให้การป้องกันที่ถูกวิธีและการตรวจเอชไอวีอย่างสม่ำเสมอในผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง ย่อมส่งผลดีกว่าอย่างปฏิเสธไม่ได้ ปัจจุบันกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการสร้างความตระหนักถึงการป้องกันและการแพร่เชื้อเอชไอวีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกประเทศทั่วโลกได้มีการกำหนดให้ วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันเอดส์โลก (World AIDS Day) เพื่อรณรงค์ยุติปัญหาการติดเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์ให้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ด้วยการวางยุทธศาสตร์ในการลดจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ ลดการเสียชีวิตจากการติดเชื้อเอชไอวี และเพิ่มความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเพื่อลดการเลือกปฏิบัติในผู้ป่วยเอชไอวี แนวทางในการป้องกันที่ได้ประสิทธิภาพจะต้องปฏิบัติควบคู่กัน ด้วยการสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ การหลีกเลี่ยงโอกาสที่ส่งผลให้ติดเชื้อเอชไอวี และการตรวจเอชไอวีอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการรับเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งไม่ได้หมายความว่าผู้ที่ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงจะสามารถชะล่าใจไม่รับการตรวจได้ ด้วยเหตุผลที่ว่าเอชไอวีเป็นโรคที่สามารถติดต่อได้ และในช่วงที่ติดเชื้อระยะแรกจะไม่แสดงอาการที่ชัดเจน ความเสี่ยงต่าง ๆ อาจเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้น การตรวจเอชไอวีจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ในการทราบสถานะของตนอย่างชัดเจน ทำให้สามารถรับมือหรือเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที ในกรณีที่ตรวจพบว่าติดเชื้อเอชไอวี แนวทางการตรวจเอชไอวีตามหลักสากล เป็นหลักการตรวจเอชไอวีที่มีชื่อว่า 5C ซึ่งจะต้องกระทำภายใต้แนวคิดในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของผู้เข้ารับการตรวจให้มากที่สุด โดยมีหลักการดังต่อไปนี้ Consent คือ ผู้ที่เข้ารับการตรวจเอชไอวีจะต้องมีความยินยอมด้วยความสมัครใจ ซึ่งกำหนดให้มีการเซ็นใบยินยอม เพื่อเป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจน หรือ เป็นการยินยอมทางวาจา ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้เข้ารับการตรวจ Confidentiality …