ออรัลเซ็กส์ เสี่ยงกามโรคแค่ไหน?
ค้นพบความเชื่อมโยงระหว่าง ออรัลเซ็กซ์ กับการแพร่เชื้อติดต่อทางเพศสัมพันธ์ บทความที่ให้ข้อมูลนี้จะสำรวจความเสี่ยง มาตรการป้องกัน และข้อควรพิจารณาที่สำคัญเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจอย่างรอบรู้เกี่ยวกับสุขภาพทางเพศของคุณ
ค้นพบความเชื่อมโยงระหว่าง ออรัลเซ็กซ์ กับการแพร่เชื้อติดต่อทางเพศสัมพันธ์ บทความที่ให้ข้อมูลนี้จะสำรวจความเสี่ยง มาตรการป้องกัน และข้อควรพิจารณาที่สำคัญเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจอย่างรอบรู้เกี่ยวกับสุขภาพทางเพศของคุณ
การติดไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis C) เป็นปัญหาสุขภาพระดับโลกที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อผู้คนล้านคนทั่วโลก มันเป็นการ ติดไวรัสตับอักเสบซี ซึ่งเป้าหมายหลักคือ “ตับ” ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง และความเสียหายระยะยาวได้ ในบทความนี้เราจะศึกษาถึงสาเหตุ อาการ วิธีการรักษาที่มีอยู่ และความสำคัญของการตรวจหา การป้องกันระยะเริ่มต้น เมื่อ ติดไวรัสตับอักเสบซี
ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ที่พบเชื้อใหม่ๆ หรือพบเชื้อมาสักระยะหนึ่งแล้ว คงคิดว่าการอยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวีเป็นเรื่องที่น่ากลัว และหลายคนสงสัยเกี่ยวกับโรคว่าจะทำให้สุขภาพของพวกเขาย่ำแย่จนไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ยืนยาว แม้ว่าการวินิจฉัยโรคเอชไอวี อาจเป็นเรื่องที่ซับซ้อน แต่การทำความเข้าใจ ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อสุขภาพที่คาดว่าจะมีชีวิตอยู่กับไวรัสเอชไอวีได้มากน้อยเพียงใด สามารถช่วยให้ ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ตัดสินใจอย่างมีข้อเท็จจริง เพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ในบทความนี้ เราจะสำรวจปัจจัย ที่อาจส่งผลต่อสุขภาพของ ผู้ติดเชื้อเอชไอวี แนวโน้มความเสี่ยงและการดูแลสุขภาพของ ผู้ติดเชื้อเอชไอวี
การติดเชื้อ HIV และ HPV ร่วมกัน มีโอกาสเป็นไปได้ในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูง โดยแยกออกเป็น Human Immunodeficiency Virus หรือ HIV เป็นไวรัสที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกัน และสามารถพัฒนาจนกลายเป็นโรค AIDS (Acquired Immunodeficiency Syndrome) หากไม่ได้รับการรักษา ซึ่งติดต่อได้โดยการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน และจากแม่สู่ลูก ตัวเชื้อไวรัสจะเเพร่กระจายตามกระแสเลือด ส่วน Human Papilloma Virus หรือ HPV ทำให้เกิดโรคหูดและบาดแผลในช่องคลอดและส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ติดต่อโดยการสัมผัสเชื้อโดยตรง และเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูก มะเร็งทวารหนัก ดังจะเห็นได้ว่า ทั้งสองนี้เป็นเชื้อไวรัสเหมือนกัน และมีช่องทางการติดต่อที่คล้ายคลึงกัน จึงมีโอกาสที่จะมีการติดเชื้อ HIV และ HPV ร่วมกันได้อย่างไม่น่าสงสัย
ความสัมพันธ์ระหว่างเชื้อ ไวรัสเอชไอวีและภาวะซึมเศร้า อาจมีความซับซ้อนและท้าทาย บทความนี้สำรวจความสัมพันธ์ระหว่างสองโรค และให้ความเข้าใจในวิธีการจัดการกับสองโรคนี้
การตรวจ HSV หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “เริมที่อวัยวะเพศ” ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง เกิดจากเชื้อไวรัสเฮอร์เพล็กซ์ซิมเพล็กซ์ หรือภาษาอังกฤษว่า Herpes Simplex Virus (HSV) โรคนี้มักเป็นเรื่องปกติที่พบเห็นได้บ่อย ในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูง หรือในผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หรือมีเชื้อไวรัสเอชไอวีอยู่ในร่างกายก็สามารถมีโรคนี้แทรกซ้อนขึ้นมาได้หากไม่ได้ดูแลตัวเองอย่างดีพอ ตรวจ HSV ทำให้พบโรคใด การตรวจ HSV เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการวินิจฉัยโรคเริมที่อวัยวะเพศ การตรวจนี้สามารถทำได้โดยใช้ตัวช่วยเครื่องมือทางห้องปฏิบัติการ หรือการตรวจด้วยตัวเองที่บ้านก็ได้ คือ การตรวจเลือดจากแพทย์ที่สถานพยาบาล และการตรวจด้วยอุปกรณ์ชุดตรวจ (Rapid Test) โดยเชื้อ HSV จะเป็นการติดเชื้อที่เกิดบริเวณผิวหนัง จากเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดแผลเป็นรอยเจ็บปวดในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย มีอยู่ 2 ประเภทหลัก ได้แก่ โรคเริมที่อวัยวะเพศ จะแพร่กระจายผ่านการสัมผัสโดยตรงกับแผล ผ่านทางเพศสัมพันธ์ที่ช่องคลอดหรือรูทวารหนัก บางครั้งเชื้อนี้ก็สามารถแพร่กระจายไปยังคู่นอนได้ แม้ไม่มีแผลที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เชื้อ HSV นี้สามารถเกิดขึ้นซ้ำได้ ถึงแม้ว่าแผลเริมในครั้งแรกของคุณจะหายไปแล้วก็ตาม แต่อาจไม่มีอาการที่รุนแรงเท่ากับครั้งแรกที่ได้รับเชื้อมา กลุ่มใดที่ควรทำการ ตรวจ HSV การที่จะ ตรวจ HSV นั้นจะเริ่มต้นด้วยการตรวจหาไวรัสในร่างกายของคุณ …
การตรวจเอชไอวี (HIV) เป็นเรื่องที่สำคัญมากในการดูแลสุขภาพของเรา โรคเอชไอวีเป็นโรคที่ติดต่อได้และมีผลกระทบต่อสุขภาพและชีวิตของบุคคลอย่างมาก แต่หากได้รับการตรวจและรักษาให้ถูกต้อง การจัดการกับโรคนี้สามารถทำได้ง่ายและปลอดภัยมากขึ้น การตรวจเอชไอวี (HIV) เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากสำหรับการป้องกันและควบคุมการแพร่เชื้อของเชื้อไวรัส HIV ในประชากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส HIV อย่างกว้างขวาง การตรวจเอชไอวีสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ HIV และส่งเสริมสุขภาพของบุคคลในกลุ่มเสี่ยงอย่างมาก ประโยชน์ของการตรวจเอชไอวีมีอยู่หลายด้าน ดังนี้ ใครบ้างควรตรวจเอชไอวี การตรวจเอชไอวี เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ เช่น การตรวจเอชไอวีเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ เพราะการตรวจสอบการติดเชื้อเอชไอวี สามารถช่วยในการป้องกันการแพร่เชื้อได้ และช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาทันเวลา ตรวจเอชไอวีที่ไหนดี การตรวจเอชไอวีเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้คนควรให้ความสำคัญ โดยการไปตรวจสามารถทำได้ที่หน่วยบริการสุขภาพหลายแห่ง ดังนี้ ขั้นตอนการตรวจเอชไอวี การตรวจเอชไอวีเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้คนควรให้ความสำคัญ และขั้นตอนการตรวจเอชไอวีสามารถแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1: การตรวจเบื้องต้น ขั้นตอนที่ 2: การตรวจหาเชื้อเอชไอวี อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเติมที่นี่
การตรวจเอชไอวี เพื่อตรวจหาไวรัสเอชไอวี ( HIV : Human Immunodeficiency Virus ) เชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายบกพร่อง ซึ่งส่งผลต่อระดับภูมิคุ้มกันที่ต่ำนำไปสู่โรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ง่ายกว่าคนทั่วไป โดยที่เชื้อไวรัสเอชไอวีจะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาวที่มีชื่อว่า CD4 และทำให้ผู้ติดเชื้อมีโอกาสเกิดการติดเชื้อโรคฉวยโอกาสต่าง ๆ จะทราบได้อย่างไรว่าควรตรวจเอชไอวีแล้วหรือยัง? แน่นอนว่าในเมื่อเอชไอวีเป็นต้นตอของผลกระทบของร่างกายที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น การตระหนักรู้ถึงการตรวจเอชไอวีจึงเป็นทางเลือกควบคู่ไปกับการป้องกันที่ดีร่วมด้วย โดยไม่สามารถกล่าวได้ว่าทางเลือกไหนควรทำมากกว่าหรือน้อยไปกว่ากัน ซึ่งคุณจะทราบได้อย่างไรว่าควรเข้ารับการตรวจเอชไอวีแล้วหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาจากความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ พฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ และความพึงพอใจในการป้องกันของแต่ละบุคคล โดยส่วนใหญ่แล้วในระยะเริ่มต้นของผู้ติดเชื้อเอชไอวีจะไม่แสดงอาการให้เห็นชัดเจน นับว่าเป็นการยากหากจะใช้การสังเกตอาการของตนแล้วค่อยเข้ารับการตรวจยืนยัน เพราะอาจทำให้เข้าสู่ระยะที่ลุกลามสู่โรคอื่น ๆ แล้วก็เป็นได้ ดังนั้นการตรวจเอชไอวีจึงเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เหมือนกับการตรวจสุขภาพร่างกายเป็นประจำ ทั้งนี้ควรมองว่าเอชไอวีสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน และลดการมองในแง่ลบต่อเอชไอวี ตลอดจนผู้ติดเชื้อหรือการตีตราผู้เข้าตรวจเอชไอวีด้วย จะทำให้แง่มุมต่อการตรวจเอชไอวี การรักษาเอชไอวี การป้องกันเอชไอวี เป็นเรื่องที่เข้าใจได้และไม่ส่งผลต่อการตีตราทางสังคมที่ในปัจจุบันยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ตรวจ เอชไอวี กี่วันรู้ผล? คำถามยอดฮิตที่หลายคนยังคงมีความสงสัยก่อนเริ่มทำการตรวจเอชไอวี ด้วยความที่ช่วงเวลาในการรอผลตรวจนั้น ส่งผลต่อความกังวลใจต่าง ๆ อย่างปฏิเสธไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงที่อาจติดเชื้อ แนวทางการรักษา ความกังวลใจต่อการแพร่เชื้อไปสู่คู่นอน ตลอดจนเรื่องสำคัญอย่างการรับมือของบุคคลในครอบครัว สิ่งเหล่านี้เองทำให้ช่วงเวลาในการทราบผล …
เมื่อเราติดเชื้อไวรัสเอชไอวีแล้ว ไวรัสเอชไอวีจะเจาะเข้าไปในเม็ดเลือดขาวภูมิคุ้มกัน เพื่อเพิ่มจำนวนเชื้อไวรัสเอชไอวี ทำให้ CD4 จำนวนลดลง เมื่อ CD4 ลดลง ปริมาณ Viral Load เพิ่มขึ้น เมื่อมีเชื้อเอชไอวี( HIV) อยู่ในร่างกายนานๆ เชื้อไวรัสจะแพร่กระจายมากขึ้นนั่นเอง CD4 คืออะไร CD4 cells ย่อมาจากคำว่า Cluster of Differentiation 4 บางครั้งถูกเรียกว่า T-cells หรือ T-helper cells CD4 คือ เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง ที่มีหน้าที่ควบคุม และต่อสู้กับเชื้อโรค และมีบทบาทในการจัดระบบภูมิต้านทานของร่างกายต่อการติดเชื้อ แบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัส หลายคนอาจยังเข้าใจผิดว่า CD4 คือ เซลล์เม็ดเลือดขาว หรือภูมิต้านทานในร่างกายของผู้ติดเชื้อเอชไอวีเพียงเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้ว ในคนที่ร่างกายปกติก็มีเซลล์เม็ดเลือดขาวหรือ CD4 เช่นเดียวกัน เชื้อไวรัสเอชไอวี มีผลมาทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว CD4 ที่สำคัญนี้โดยตรง …
การแพทย์ในปัจจุบัน ทำให้ยาต้านไวรัสของโรค HIV ได้มีการพัฒนาขึ้นไปมากแล้ว นอกจากกลุ่มยาที่มีไว้รักษาโดยการต้านเชื้อ ก็ยังมียาที่ทำงานด้วยจุดประสงค์อื่น คือการป้องกันเชื้อ HIV ออกมาให้คนทั่วไปได้รับไปทาน ซึ่งยาเหล่านี้ถือเป็นทางเลือกให้กับผู้ไม่มีเชื้อ HIV ในการป้องกันโรคหลังมีความเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อ HIV ได้ซึ่งยาเหล่านี้มีชื่อว่ายา PrEP และ PEP PrEP และ PEP คืออะไร? PrEP หรือ Pre-Exposure Prophylaxis คือ ยาต้านไวรัสเอชไอวี ที่ป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีสำหรับผู้ที่มีผลเลือดเป็นลบ หรือเป็นการใช้ยาเพื่อเตรียมตัวไว้ก่อนจะมีโอกาสได้สัมผัสเชื้อ PEP หรือ Post-Exposure Prophylaxis คือ ยาต้านไวรัสฉุกเฉิน สำหรับผู้ที่มีผลเลือดเป็นลบที่เพิ่งได้สัมผัสเชื้อมาไม่เกิน 72 ชั่วโมง PrEP และ PEP เหมาะกับใครบ้าง ? PrEP ชายที่มีเพศสัมพันธ์ชาย ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อเอชไอวี ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน ผู้ที่ทำงานบริการทางเพศ ผู้ที่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ภายใน 6 เดือนที่ผ่านมา ผู้ที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น PEP ผู้ที่คิดว่าตนเองอาจสัมผัสกับเชื้อเอชไอวี เช่น มีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัยกับผู้ที่ไม่ทราบผลการติดเชื้อ …