สำหรับหญิงข้ามเพศหลายคน การเริ่มใช้ ฮอร์โมนหญิงข้ามเพศ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต ไม่ใช่เพียงเพื่อเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกให้ตรงกับเพศสภาพที่แท้จริง แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการยอมรับตนเองและการเดินทางเพื่อความเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ฮอร์โมนหญิงข้ามเพศ ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำโดยลำพังหรือจากแหล่งข้อมูลที่ไม่ปลอดภัย เพราะมีทั้งประโยชน์ ความเสี่ยง และผลข้างเคียงที่ควรรู้ให้รอบด้านก่อนตัดสินใจ
ฮอร์โมนหญิงข้ามเพศ คืออะไร?
ฮอร์โมนหญิงข้ามเพศ (Feminizing Hormone Therapy) คือการใช้ฮอร์โมนเพศหญิงและ/หรือยาที่ลดฮอร์โมนเพศชาย เพื่อช่วยให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางของเพศหญิง เช่น หน้าอกเติบโต เสียงไม่ลึก ผิวเรียบเนียน รูปร่างเปลี่ยน เป็นต้น
การบำบัดด้วยฮอร์โมนหญิงข้ามเพศมักประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก:
- ยากลุ่มเอสโตรเจน (Estrogen) เช่น estradiol valerate, estradiol hemihydrate หรือ estradiol patches ช่วยเพิ่มลักษณะเพศหญิง
- ยาต้านฮอร์โมนเพศชาย (Anti-androgens) เช่น spironolactone, cyproterone acetate เพื่อลดระดับฮอร์โมนเพศชายและช่วยให้เอสโตรเจนทำงานได้ดีขึ้น
หัวข้อต่างๆ
ทำไมถึงต้องปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่ม ฮอร์โมนหญิงข้ามเพศ
แม้ว่าจะสามารถหายาฮอร์โมนได้ง่ายจากแหล่งต่าง ๆ แต่การเริ่มฮอร์โมนอย่างปลอดภัยจำเป็นต้อง:
- ตรวจร่างกายและประเมินความเสี่ยง เช่น ปัญหาโรคหัวใจ ความดัน ไตหรือตับ
- วางแผนการใช้ฮอร์โมน ให้เหมาะกับอายุ น้ำหนัก สุขภาพ และเป้าหมายของแต่ละคน
- ติดตามผลเลือด อย่างต่อเนื่องเพื่อปรับโดสให้สมดุล
การใช้ฮอร์โมนโดยไม่ผ่านแพทย์อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ความดันสูง หรือตับอักเสบได้
การตรวจร่างกายก่อนเริ่มฮอร์โมน: ตรวจอะไรบ้าง?
ก่อนเริ่มฮอร์โมนหญิงข้ามเพศ แพทย์จะขอตรวจดังนี้:
- ตรวจเลือด: ดูค่าเอสโตรเจน เทสโทสเตอโรน ไต ตับ ไขมัน และระดับน้ำตาล
- ตรวจสุขภาพทั่วไป: ชีพจร ความดัน BMI และประวัติการเจ็บป่วย
- ตรวจจิตเวช (บางกรณี): เพื่อประเมินภาวะซึมเศร้าหรือภาวะอื่นที่อาจส่งผลต่อการตัดสินใจ
หากมีโรคประจำตัว แพทย์จะประเมินความเสี่ยงและอาจปรับแผนการใช้ฮอร์โมนให้เหมาะสม

ฮอร์โมนแต่ละประเภทมีกี่แบบ? กิน ฉีด แปะ ต่างกันอย่างไร
การใช้ฮอร์โมนมีหลายรูปแบบ โดยแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียต่างกัน
ชนิดของฮอร์โมน | ตัวอย่าง | ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|---|---|
ยากิน | estradiol 2 mg | สะดวก ราคาถูก | ผ่านตับ อาจเพิ่มความเสี่ยงตับอักเสบ/ลิ่มเลือด |
ยาฉีด | estradiol valerate ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ | ดูดซึมเร็ว, ไม่ผ่านตับ | ราคาสูงกว่า, ต้องมีคนฉีดให้ |
แผ่นแปะ/เจล | estradiol patch | ดูดซึมผ่านผิว ไม่ผ่านตับ | ราคาสูง, ต้องเปลี่ยนบ่อย |
ผลลัพธ์ที่สามารถคาดหวังได้
ฮอร์โมนจะเปลี่ยนแปลงร่างกายของแต่ละคนไม่เท่ากัน โดยผลลัพธ์ทั่วไปที่มักเกิดขึ้นได้ใน 3–12 เดือนแรก ได้แก่:
- หน้าอกเริ่มพัฒนา (3–6 เดือน)
- เส้นขนตามร่างกายลดลง
- กล้ามเนื้อเล็กลง และไขมันกระจายใหม่
- ผิวเนียนขึ้น
- ความต้องการทางเพศลดลง
- อารมณ์อ่อนไหวขึ้น
อย่างไรก็ตาม “เสียง” จะไม่เปลี่ยนแปลง และการหยุดการเจริญของขนหน้าอาจต้องเลเซอร์ร่วมด้วย
ผลข้างเคียงที่ต้องระวัง
แม้จะเป็นยาที่ใช้กันแพร่หลาย แต่ฮอร์โมนหญิงข้ามเพศก็มีผลข้างเคียงที่ควรรู้:
- ความดันโลหิตสูง
- ลิ่มเลือดอุดตัน (โดยเฉพาะในคนสูบบุหรี่)
- ปวดหัวหรือไมเกรน
- ภาวะตับอักเสบจากฮอร์โมน
- ภาวะซึมเศร้าหรืออารมณ์แปรปรวน
หากมีอาการผิดปกติ ควรหยุดยาและปรึกษาแพทย์ทันที
ฮอร์โมนกับสุขภาพจิต: เปลี่ยนแปลงทั้งร่างกายและใจ
ผู้หญิงข้ามเพศจำนวนมากรายงานว่า ฮอร์โมนช่วยให้ “รู้สึกเป็นตัวเอง” มากขึ้น มีความสุข และลดความเครียดที่เกี่ยวข้องกับเพศกำเนิด อย่างไรก็ตาม มีบางรายที่พบอารมณ์แปรปรวนหรือภาวะซึมเศร้าในช่วงเปลี่ยนผ่าน การดูแลใจควบคู่ไปกับการใช้ฮอร์โมนจึงเป็นเรื่องสำคัญ ควรมีที่ปรึกษา หรือกลุ่มสนับสนุนที่สามารถพูดคุยและให้กำลังใจได้

จะรู้ได้ยังไงว่าเราใช้ ฮอร์โมนหญิงข้ามเพศ ได้ผล?
ควรตรวจเลือดเป็นระยะทุก 3–6 เดือน เพื่อดูว่า:
- ระดับเอสโตรเจนอยู่ในช่วงที่เหมาะสม (100–200 pg/mL)
- ฮอร์โมนเพศชายลดลงเหลือในระดับหญิงทั่วไป (<50 ng/dL)
- ค่าไขมัน น้ำตาล ตับ และไต ยังอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย
นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เช่น ขนาดหน้าอก หรือผิวพรรณที่ดีขึ้น ก็เป็นสัญญาณว่าฮอร์โมนเริ่มส่งผลแล้ว
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ฮอร์โมนหญิงข้ามเพศ
Q: ฮอร์โมนทำให้มีลูกไม่ได้ใช่ไหม?
A: ใช่ การใช้ฮอร์โมนเพศหญิงจะลดจำนวนอสุจิจนถึงขั้นเป็นหมันชั่วคราวหรือถาวร จึงควรพิจารณาเก็บอสุจิไว้ก่อนเริ่มหากยังต้องการมีลูกในอนาคต
Q: หยุดฮอร์โมนแล้วร่างกายจะกลับมาเป็นชายไหม?
A: บางการเปลี่ยนแปลง เช่น กล้ามเนื้อและขน อาจกลับมาได้ ส่วนหน้าอกจะยังคงอยู่ แต่ขนาดอาจลดลงบ้าง
Q: สามารถซื้อฮอร์โมนเองโดยไม่ไปคลินิกได้ไหม?
A: ได้ แต่ไม่แนะนำ เพราะเสี่ยงมาก และไม่สามารถรู้ได้ว่าฮอร์โมนปลอดภัยหรือไม่ และอาจมีปัญหาสุขภาพร้ายแรงในระยะยาว
อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
สุขภาพทางเพศ – ทำความเข้าใจ เพื่อชีวิตสมดุล
Chemsex กับ LGBTQ+ เรื่องต้องรู้ เพื่อความปลอดภัย
บทสรุป: ฮอร์โมนไม่ใช่เวทมนตร์ แต่คือเส้นทางที่ต้องดูแลตัวเองอย่างใกล้ชิด การใช้ฮอร์โมนหญิงข้ามเพศเป็นกระบวนการที่ลึกซึ้งทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่ทุกคนจะต้องเปลี่ยนแปลงเหมือนกัน และไม่ใช่ทุกคนที่ต้องใช้ฮอร์โมนจึงจะเป็นหญิงข้ามเพศ เพราะตัวตนไม่ได้ขึ้นกับยาหรือร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับการยอมรับตนเองและการเดินทางที่คุณเลือกด้วยตัวเอง หากคุณกำลังคิดจะเริ่มฮอร์โมน อย่าลืมเริ่มจากการ “เข้าใจตัวเอง” และ “ปรึกษาแพทย์” เพื่อเริ่มต้นอย่างปลอดภัย และมีความสุขกับการเป็นคุณ…ในแบบที่คุณอยากเป็น
อ้างอิงข้อมูล:
- การเริ่มใช้ฮอร์โมนข้ามเพศ https://thaisisterhood.com/article/starting-hormones
- การใช้ฮอร์โมนบำบัดเพื่อการข้ามเพศ https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/may-2022/gender-affirming-hormone-therapy
- การใช้และความปลอดภัยของฮอร์โมนสำหรับเปลี่ยนกายภาพทางเพศในหญิงข้ามเพศ https://ccpe.pharmacycouncil.org/index.php?option=article_detail&subpage=article_detail&id=1248