“บ้านเสมอ” โดย มูลนิธิเพื่อสิทธิความหลากหลาย (FAIR) คืออีกหนึ่งสถานที่ปลอดภัยในการให้คำปรึกษาเพื่อออกแบบและสร้างสภาวะ Well-being ที่มีคุณภาพให้กับผู้รับบริการ โดยมีบริการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่บริการสุขภาพจิต โดยมีนักจิตวิทยาให้บริการ ด้วยการประเมินความเสี่ยงต่อภาวะทางสุขภาพจิต การให้คำปรึกษา และการทำกิจกรรมเสริม Well – being สำหรับผู้ถูกละเมิดสิทธิ รวมถึงผู้ใช้สารเสพติดและครอบครัว
ประวัติของ มูลนิธิเพื่อสิทธิความหลากหลาย
มูลนิธิเพื่อสิทธิความหลากหลาย คือ องค์กรพัฒนาเอกชนสาธารณประโยชน์ ที่ไม่แสวงกำไร ดำเนินงานด้วยการตระหนักถึงความหลากหลาย (diversity) ของมนุษย์บนโลกใบนี้ และมุ่งมั่นที่จะทำให้เกิดความเสมอภาค (equity) จึงได้นำสิทธิความหลากหลาย (inclusion rights) มาเป็นคุณค่าหลักที่องค์กรยึดถือและใช้นำการขับเคลื่อนเพื่อสร้างสังคมที่เคารพความแตกต่างหลากหลาย ไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 มีนาคม 2567 เดือนแห่งการยุติการเลือกปฏิบัติสากล
โดยมีเป้าหมายในการดำเนินงาน เพื่อสนับสนุนให้รัฐบาลปฏิบัติตามหน้าที่ด้านสิทธิมนุษยชน 3 ประการ ภารกิจของมูลนิธิ เน้นตามวัตถุประสงค์ 4 ส่วนดังต่อไปนี้
- ส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ และความหลากหลายของความเป็นมนุษย์ ผ่านการพัฒนากฎหมาย นโยบาย ระเบียบ ข้อบังคับ ด้านสิทธิมนุษยชน
- ทำการศึกษาวิจัย หรือสนับสนุนการศึกษาวิจัย เพื่อให้เกิดหลักฐานเชิงประจักษ์ในการนำไปพัฒนา กฎหมาย นโยบาย ระเบียบ ข้อบังคับ ด้านสิทธิมนุษยชน
- ส่งเสริมความเข้าใจด้านสิทธิมนุษยชน การเคารพความแตกต่างหลากหลายของความเป็นมนุษย์ ไม่ตีตราเลือกปฏิบัติ พร้อมทั้งพัฒนาศักยภาพและความเข้มแข็งด้านสิทธิมนุษยชนให้กับสาธารณะ เครือข่ายภาครัฐ ภาคประชาสังคมและกลุ่มคนที่ถูกละเมิดสิทธิ
- ให้บริการคัดกรอง ประเมิน ให้คำปรึกษา ส่งต่อ ช่วยเหลือเยียวยา กับผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านสุขภาพ และความแตกต่างหลากหลายของความเป็นมนุษย์
Well-being คืออะไร ?
Well-being ในภาษาไทย “Well-being” แปลว่า “ความเป็นอยู่ที่ดี” หรือ “ความสุข” ซึ่งหมายถึงสภาวะที่ดีของบุคคลซึ่งรวมถึงความรู้สึกดีและการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญคือการมีอารมณ์เชิงบวก เช่น ความสุขและความพอใจ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพของตนเอง การมีความควบคุมในชีวิต ความรู้สึกมีจุดมุ่งหมาย และการมีความสัมพันธ์ที่ดี การพูดถึง Well-being เริ่มมีการพัฒนาและได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงทศวรรษที่ 20 โดยเฉพาะหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งมีการเน้นที่การกระจายทรัพยากรและการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน
Well-Being ของผู้ถูกละเมิดสิทธิ
แนวคิดเรื่อง Well-being ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะสังคมปัจจุบันให้ความสำคัญในการพัฒนาและดูแลตนเองในระดับปัจเจกมากขึ้น โดยเฉพาะการดูแลสุขภาพกายและใจควบคู่กันไป แต่ถึงอย่างนั้นแนวคิดเรื่อง Well-being ในผู้คนบางกลุ่มอาจเป็นเรื่องที่ต้องแตกต่างจากคนกลุ่มอื่น เช่น กลุ่มบุคคลผู้ถูกละเมิดสิทธิ อาจเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและเปราะบาง เนื่องจากผู้ที่ประสบปัญหานี้มักจะเผชิญกับผลกระทบที่รุนแรงต่อสุขภาพจิตและร่างกาย ดังนั้น การออกแบบแนวคิด Well-being จึงต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในปัญหาและบริบทด้านการถูกละเมิดสิทธิต่าง ๆ อย่างครอบคลุมด้วยเช่นกัน
Well-being ของผู้ถูกละเมิดสิทธิ เป็นเรื่องสำคัญ
การออกแบบพื้นที่หรือสภาวะ Well-being ของผู้ถูกละเมิดสิทธินั้น แตกต่างจากบุคคลทั่วไปในสังคมอย่างชัดเจน เพราะละเมิดสิทธิสามารถส่งผลให้เกิดความเครียด, ภาวะซึมเศร้า, และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ซึ่งทำให้การฟื้นฟูและการมีชีวิตที่มีคุณภาพเป็นเรื่องยาก ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่การออกแบบระบบหรือสร้างภาวะ Well-being เพื่อใช้ในการเยียวยาหรือรักษาสภาพด้านร่างกายและจิตใจของกลุ่มผู้ถูกละเมิดสิทธิ จะต้องมีความเฉพาะทางและเกิดขึ้นจากความเข้าใจในบริบทปัญหาด้านการละเมิดสิทธิที่ถูกต้อง
เหตุผลที่ Well-being ของผู้ถูกละเมิดสิทธิสำคัญ
- ผลกระทบต่อสุขภาพจิต: ผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิมักประสบกับปัญหาทางจิตใจ เช่น ความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวันและการมีส่วนร่วมในสังคม
- การฟื้นฟูและการสนับสนุน: Well-being ที่ดีช่วยให้ผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิสามารถฟื้นฟูจากประสบการณ์ที่เลวร้ายได้ และมีโอกาสในการสร้างชีวิตใหม่ที่มีคุณภาพ กา
- สร้างสังคมที่เป็นธรรม: การสนับสนุน well-being ของผู้ถูกละเมิดสิทธิมีความสำคัญต่อการสร้างสังคมที่มีความเข้าใจและเป็นธรรม ซึ่งช่วยลดความไม่เท่าเทียมและส่งเสริมความยุติธรรมในสังคม
- การส่งเสริมความมั่นคง: การดูแล well-being ของผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิช่วยสร้างความมั่นคงทั้งในระดับบุคคลและสังคม ซึ่งสามารถนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาว
- การสร้างความตระหนักรู้: การพูดถึง well-being ของผู้ถูกละเมิดสิทธิช่วยสร้างความตระหนักรู้ในสังคมเกี่ยวกับปัญหาการละเมิดสิทธิ และกระตุ้นให้มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก
บ้านเสมอ มีบริการอะไรบ้าง ?
- ให้คำปรึกษา และให้ความช่วยเหลือด้านสิทธิทางกฎหมาย
- ตรวจเอชไอวี
- จ่ายยา PrEP, PEP
- สนับสนุนอุปกรณ์ลดผลกระทบและความเสี่ยงจากการใช้สารเสพติด
- ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับ HIV/STIs
- จ่ายยาเม็ดคุมกำเนิด
- บริการด้านสุขภาพจิต
ติดต่อ บ้านเสมอ โดย มูลนิธิเพื่อสิทธิความหลากหลาย ได้ที่
- 133/235 หมู่บ้านรื่นฤดี 3 ถนนหทัยราษฎร์ แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ 10510
- เบอร์โทรศัพท์ 083 543 3608
- อีเมล info.baansamer@gmail.com
- จองคิวตรวจ https://www.love2test.org/appointment/baansamer
การสร้าง well-being ที่ดีแก่ผู้ถูกละเมิดสิทธิไม่เพียงแต่ช่วยให้พวกเขาฟื้นฟูจากประสบการณ์ที่เลวร้าย แต่ยังสนับสนุนการสร้างสังคมที่เป็นธรรมและมีความเข้าใจในปัญหาสิทธิมนุษยชนอีกด้วย