ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ทางเลือกใหม่ที่สะดวก รวดเร็ว รู้ผลไว

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ทางเลือกใหม่ที่สะดวก รวดเร็ว รู้ผลไว

การรู้สถานะเอชไอวีของตนเองเป็นก้าวแรกที่สำคัญอย่างยิ่งในการดูแลสุขภาพ และป้องกันการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความอาย ความกลัวการถูกตีตรา หรือความไม่สะดวกในการเดินทางไปยังสถานพยาบาล อาจทำให้หลายคนหลีกเลี่ยงการตรวจเอชไอวี ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง (HIV Self-Test) ได้กลายเป็นทางเลือกใหม่ที่ปฏิวัติแนวทางการตรวจเอชไอวีแบบเดิม ๆ ช่วยให้ผู้คนสามารถตรวจหาเชื้อได้อย่างเป็นส่วนตัว สะดวก รวดเร็ว และมั่นใจมากยิ่งขึ้น บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับทุกแง่มุมของ ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ตั้งแต่ความสำคัญ ข้อดี วิธีการใช้งาน ไปจนถึงบทบาทของชุดตรวจเหล่านี้ในการควบคุมการระบาดของเอชไอวีในสังคมไทย

หัวข้อต่างๆ

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง คืออะไร ?

ชุดตรวจเอชไอวี ด้วยตนเอง (HIV Self-Test) คือ อุปกรณ์ที่ช่วยให้บุคคลสามารถเก็บตัวอย่าง ตรวจวิเคราะห์ และแปลผลการตรวจเอชไอวีเบื้องต้นด้วยตนเองที่บ้าน หรือในสถานที่ที่ตนเองรู้สึกปลอดภัย โดยไม่จำเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเป็นผู้ดำเนินการ ชุดตรวจเหล่านี้ได้รับการออกแบบให้ใช้งานง่าย มีคำแนะนำที่ชัดเจน และไม่ต้องใช้เครื่องมือทางการแพทย์ซับซ้อน ตัวอย่างที่ใช้ตรวจอาจเป็นเลือดจากปลายนิ้ว หรือสารคัดหลั่งจากช่องปาก ขึ้นอยู่กับประเภทของชุดตรวจที่เลือกใช้ การใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว ลดอุปสรรคทางจิตใจในการตรวจหาเชื้อ และทำให้การเข้าถึงการตรวจเอชไอวีในประชากรทั่วไปมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Love2test

ทำไมการตรวจเอชไอวีจึงสำคัญ ?

การตรวจเอชไอวี มีความสำคัญไม่เฉพาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงเท่านั้น แต่ยังสำคัญสำหรับประชากรทั่วไปทุกคน เพราะการติดเชื้อเอชไอวีในระยะเริ่มต้นมักไม่มีอาการแสดงชัดเจน และผู้ที่ติดเชื้ออาจไม่รู้ตัวเป็นเวลาหลายปี การรู้สถานะเอชไอวีของตนเองแต่เนิ่น ๆ มีประโยชน์หลายประการ เช่น การเข้ารับการรักษาด้วยยาต้านไวรัส (ART) ได้เร็วขึ้น ซึ่งช่วยควบคุมปริมาณไวรัสในร่างกาย ลดโอกาสการถ่ายทอดเชื้อ และส่งเสริมสุขภาพระยะยาว นอกจากนี้ การตรวจเอชไอวีอย่างสม่ำเสมอยังเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมการระบาดของโรคในระดับชุมชน และลดการติดเชื้อรายใหม่ในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ในปัจจุบันมีกี่รูปแบบ ?

ปัจจุบันชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองมี 2 รูปแบบหลัก คือ

การเจาะปลายนิ้ว (Finger Puncture) เพื่อเก็บตัวอย่างเลือด

การเจาะปลายนิ้วเพื่อเก็บตัวอย่างเลือด ใช้ได้ทั้งในผู้ใหญ่และเด็กที่มีอายุมากกว่าหนึ่งปี นิ้วที่เหมาะสมในการเจาะคือ นิ้วนางและนิ้วกลาง เนื่องจากมีโอกาสเกิดผลแทรกซ้อนน้อยกว่านิ้วอื่น ตำแหน่งที่ควรเจาะ คือบริเวณกึ่งกลางระหว่างเนินนูนของนิ้วกับด้านข้าง โดยควรเจาะในแนวตั้งฉากกับเส้นลายนิ้วมือ เพื่อให้ได้ตัวอย่างเลือดที่เหมาะสมและลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน

ข้อจำกัด

  • การตรวจด้วยวิธีนี้ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ นอกจากนี้ ผู้ที่กำลังใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวีอยู่ไม่ควรใช้ชุดตรวจคัดกรองด้วยตนเอง เพราะอาจทำให้เกิดผลลบปลอม (False Negative) ได้ อีกทั้งผู้ที่เคยเข้าร่วมการศึกษาทดลองวัคซีนเอชไอวีก็ไม่ควรใช้ชุดตรวจด้วยตนเองเช่นกัน เนื่องจากผลการตรวจอาจไม่แม่นยำ

คำเตือนและข้อควรระวัง

  • ชุดตรวจนี้ออกแบบมาเพื่อใช้งานเพียงครั้งเดียว และใช้ได้สำหรับการทดสอบเพียงคนเดียวเท่านั้น ควรเก็บชุดตรวจให้พ้นมือเด็ก และใช้กับเลือดมนุษย์เท่านั้น ห้ามใช้ชุดตรวจที่หมดอายุหรือมีบรรจุภัณฑ์ที่ฉีกขาดหรือชำรุด นอกจากนี้ การอ่านผลการตรวจต้องกระทำภายในเวลาที่กำหนด ไม่ควรอ่านผลเกินหนึ่งชั่วโมงหลังจากทำการตรวจ

ข้อควรรู้เกี่ยวกับ “ช่วงเวลาที่ยังตรวจไม่พบ” (Window Period)

  • การตรวจคัดกรองเอชไอวีด้วยตนเองจะให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุด เมื่อทำการตรวจหลังจากมีความเสี่ยงมาแล้วอย่างน้อย 90 วัน หรือประมาณ 3 เดือน หากตรวจในช่วงเวลาที่สั้นกว่านี้ อาจทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ถูกต้อง

หมายเหตุสำคัญ

  • การใช้งานชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง จำเป็นต้องศึกษาคู่มือและเอกสารกำกับน้ำยาของแต่ละยี่ห้ออย่างละเอียด เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างถูกต้องและได้ผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือ

การเก็บตัวอย่างจากสารน้ำในช่องปาก (Oral Fluid)

สารน้ำในช่องปาก หรือ Oral Fluid เป็นส่วนผสมของหลายองค์ประกอบ ได้แก่ Mucosa Transudate ซึ่งเป็นสารน้ำที่ซึมผ่านจากซีรัมเข้าสู่ช่องปากทางเยื่อบุช่องปาก น้ำจากเยื่อบุช่องปากบริเวณซอกเหงือกและฟัน (Gingival Crevicular Fluid, GCF) และน้ำลายที่หลั่งออกมาจากต่อมน้ำลาย ทั้งหมดนี้รวมกันเป็นสารตัวอย่างที่สามารถนำมาใช้ตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีได้

คำแนะนำ

  • การใช้ชุดตรวจจากสารน้ำในช่องปากจะให้ผลที่แม่นยำที่สุด หากทำการตรวจหลังจากมีภาวะเสี่ยงมาแล้วอย่างน้อยสามเดือน หรือเก้าสิบวัน ก่อนทำการตรวจควรงดการดื่มหรือรับประทานอาหารเป็นเวลาอย่างน้อยสามสิบนาที เพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนของตัวอย่าง หากผู้ใช้มีการใส่อุปกรณ์ในช่องปาก เช่น ที่ครอบฟัน ฟันปลอม หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ครอบคลุมเหงือก ควรถอดออกก่อนทำการตรวจทุกครั้ง

ข้อควรระวัง

  • ไม่ควรใช้ชุดตรวจหากตราประทับบนบรรจุภัณฑ์ถูกทำลาย หรือหากพบว่าเนื้อหาภายในขาดหายหรือถูกเปิดออกแล้ว นอกจากนี้ห้ามใช้ชุดตรวจที่หมดอายุ ซึ่งสามารถตรวจสอบวันหมดอายุได้ที่ด้านนอกกล่องบรรจุ หากชุดตรวจสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหรือถูกเก็บรักษานอกช่วงอุณหภูมิที่กำหนดไว้ระหว่าง 2 องศาเซลเซียส ถึง 30 องศาเซลเซียส ก็ไม่ควรนำมาใช้งาน เนื่องจากอาจส่งผลต่อความแม่นยำของผลตรวจ

หมายเหตุสำคัญ

  • ก่อนใช้งานทุกครั้ง ผู้ใช้ควรอ่านและศึกษาคู่มือการใช้ชุดตรวจอย่างละเอียดจากเอกสารกำกับน้ำยาของแต่ละยี่ห้อ เพื่อให้การตรวจมีความถูกต้องและน่าเชื่อถือสูงสุด

ข้อดีของการใช้ ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง

การใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง มีข้อดีหลายประการที่ช่วยให้ผู้คนกล้าเข้าถึงการตรวจเอชไอวีมากขึ้น ได้แก่

  • ความเป็นส่วนตัวสูง เพราะสามารถทำการตรวจได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องพบเจ้าหน้าที่
  • ความสะดวกและรวดเร็ว สามารถตรวจได้ทุกที่ทุกเวลา และรู้ผลภายในไม่กี่นาที
  • ลดความกลัวการถูกตีตรา และความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวที่อาจเกิดขึ้นในการตรวจที่สถานพยาบาล
  • เปิดโอกาสให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล หรือมีข้อจำกัดด้านการเดินทางสามารถตรวจเอชไอวีได้ง่ายขึ้น
  • เพิ่มโอกาสในการตรวจซ้ำอย่างสม่ำเสมอ สำหรับผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง

ข้อดีเหล่านี้ทำให้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองเป็นเครื่องมือสำคัญในการขยายการเข้าถึงบริการตรวจเอชไอวีในสังคมไทย

ข้อควรระวังในการใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง

แม้ว่าการใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองจะเป็นทางเลือกที่สะดวก แต่ก็มีข้อควรระวังที่ผู้ใช้งานต้องตระหนัก ได้แก่

  • ไม่ใช้ชุดตรวจที่หมดอายุ หรือบรรจุภัณฑ์ชำรุด เพราะอาจทำให้ผลตรวจผิดพลาด
  • ไม่อ่านผลก่อนเวลาหรือหลังเวลาที่กำหนด ควรอ่านผลภายในช่วงเวลาที่ผู้ผลิตระบุไว้เท่านั้น
  • ไม่พึ่งผลตรวจจากชุดตรวจเพียงครั้งเดียวในกรณีที่มีความเสี่ยงสูง ควรตรวจซ้ำหรือเข้ารับการตรวจยืนยัน
  • หากผลเป็นบวก ต้องเข้ารับการยืนยันผลที่สถานพยาบาล ไม่ควรตัดสินใจด้วยตนเองเพียงจากชุดตรวจเบื้องต้น

การปฏิบัติตามข้อควรระวังเหล่านี้จะช่วยให้การใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองมีประสิทธิภาพสูงสุด และช่วยส่งเสริมการดูแลสุขภาพตนเองอย่างปลอดภัย

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองหาซื้อได้ที่ไหน ?

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองหาซื้อได้ที่ไหน

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสามารถหาซื้อได้จากหลากหลายช่องทาง เช่น ร้านขายยาที่ได้รับอนุญาต ร้านค้าออนไลน์ที่มีการรับรองอย่างเป็นทางการ หรือองค์กรที่ให้บริการส่งเสริมการตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง กระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทยได้ออกแนวทางกำกับดูแลการจำหน่ายชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง เพื่อให้มั่นใจว่าผู้บริโภคจะได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และมีความแม่นยำสูง ผู้ที่ต้องการซื้อชุดตรวจควรตรวจสอบว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และควรหลีกเลี่ยงการซื้อจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการใช้ชุดตรวจที่ไม่ได้มาตรฐาน

วิธีการทิ้งชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองอย่างปลอดภัย

  1. เก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง หลังจากใช้ชุดตรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรเก็บชุดตรวจที่ใช้แล้วในที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันเด็กหรือสัตว์เลี้ยงกัดแทะหรือสัมผัสโดยไม่ตั้งใจ
  2. บรรจุอุปกรณ์กลับในถุงชุดตรวจ นำวัสดุอุปกรณ์ทั้งหมดที่ใช้ในการตรวจ ใส่กลับเข้าไปในถุงบรรจุชุดตรวจเดิม จากนั้นปิดผนึกถุงให้แน่นสนิท และนำไปทิ้งในถังขยะที่ระบุสำหรับ “ขยะติดเชื้อ” โดยเฉพาะ
  3. การทำลายส่วนประกอบที่ไม่มีคม สำหรับส่วนประกอบของชุดตรวจที่ไม่มีคมหรือแหลมคม เช่น แถบทดสอบหรือหลอดเก็บตัวอย่าง ให้เติมน้ำยาล้างจานหรือผงซักฟอกลงในอุปกรณ์ก่อน จากนั้นใส่ลงในถุงพลาสติก มัดปากถุงให้แน่น และเขียนระบุบนถุงว่า “ขยะติดเชื้อ” ก่อนนำไปทิ้งอย่างเหมาะสม
  4. การจัดการส่วนประกอบที่มีคม หากมีส่วนประกอบที่มีคม เช่น เข็มหรือแลนเซ็ต ให้ใส่อุปกรณ์เหล่านี้ลงในภาชนะที่แข็งแรง ทนทานต่อการแทงทะลุ เช่น กล่องพลาสติกแข็ง หรือภาชนะที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับขยะติดเชื้อที่มีคม โดยบรรจุได้ไม่เกินสามในสี่ของภาชนะ และปิดฝาให้สนิท เพื่อป้องกันการรั่วไหลของของเหลวภายใน
  5. การทิ้งในถังขยะติดเชื้อ หากสถานที่ที่ท่านใช้ตรวจมีถังขยะติดเชื้อ (ถังสีแดง) กรุณาทิ้งชุดตรวจและอุปกรณ์ทั้งหมดลงในถังดังกล่าว เพื่อให้สามารถดำเนินการกำจัดอย่างถูกสุขลักษณะต่อไป

ความแตกต่างระหว่างการตรวจด้วยตนเองและการตรวจในสถานพยาบาล

การตรวจเอชไอวีด้วยตนเองและการตรวจในสถานพยาบาลมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การตรวจด้วยตนเอง มีข้อดีในเรื่องความสะดวก ความเป็นส่วนตัว และความรวดเร็ว ช่วยให้ผู้คนที่ไม่สะดวกไปตรวจที่สถานพยาบาลสามารถรู้สถานะของตนเองได้ง่ายขึ้น แต่หากผลออกมาเป็นบวก จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจยืนยันซ้ำในสถานพยาบาลเสมอ การตรวจในสถานพยาบาล มีข้อดีในเรื่องความแม่นยำสูง เพราะมีการใช้ชุดตรวจหลายประเภทควบคู่กัน และมีบุคลากรทางการแพทย์ช่วยแปลผลอย่างมืออาชีพ นอกจากนี้หากพบผลบวก ยังสามารถเริ่มกระบวนการดูแลรักษาได้ทันที ดังนั้น การตรวจด้วยตนเองจึงเหมาะสำหรับการตรวจเบื้องต้น และควรมีแผนสำหรับการตรวจยืนยันเพิ่มเติมหากได้ผลตรวจที่เป็นบวก

วิธีอ่านผลตรวจชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง

วิธีอ่านผลตรวจชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง

ผลบวก , Reactive

  • ชุดตรวจที่ 1 : พบ 2 จุด/แถบ โดยพบบริเวณใกล้ ตัวอักษร C และจุดที่สองจะอยู่ด้านล่างของจุดนั้น
  • ชุดตรวจที่ 2 และ 3 : ปรากฏแถบสีแดงขึ้น 2 แถบทั้งบริเวณแถบ C และ แถบ T จะอ่านผลว่า “มีปฏิกิริยา” แม้ว่าจะเห็นจุดด้านล่างขึ้นสีจางหรือแถบ C หรือ T ขึ้นแถบจางก็ตาม

ความหมาย : คุณอาจติดเชื้อเอชไอวีหรืออาจไม่ติดเชื้อแต่เกิดจากผลบวกปลอมด้วยสาเหตุอื่นๆ

ผลลบ , Non-reactive

  • ชุดตรวจที่ 1 : สังเกตจากจุด ที่บริเวณใกล้ตัวอักษร C ขึ้นเพียงจุดเดียว
  • ชุดตรวจที่ 2 และ 3 : ปรากฏแถบสีแดงบริเวณแถบ C เพียงแถบเดียว

ความหมาย : ตรวจไม่พบการติดเชื้อเอชไอวี คำแนะนำคือ ทดสอบใหม่อีกครั้งในช่วง 3 เดือน

ไม่สามารถแปลผลได้ , Invalid

  • ชุดตรวจที่ 1 : หากไม่ว่ามีจุดบริเวณใกล้ตัวอักษร C หรือไม่ปรากฎจุดใดๆ
  • ชุดตรวจที่ 2 และ 3
    • ไม่ปรากฏแถบสีแดงทั้งแถบ C และ T ดังรูป (1)
    • ปรากฏแถบสีแดงนอกบริเวณสามเหลี่ยมทั้ง แถบ C และ/หรือ แถบ T ดังรูป (2) และ (4)
    • ปรากฏแถบสีแดงบริเวณแถบ T เท่านั้น ดังรูป (3)
    • พื้นหลังของแถบอ่านผลมีลักษณะไม่ชัดเจน ดังรูป (5)

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ที่ขึ้นทะเบียนสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในประเทศไทย

ประเด็นเปรียบเทียบInsti®OraQuick®I-CARE®CheckNOW®
ชนิดสิ่งส่งตรวจเลือดปลายนิ้วสารน้ำในช่องปากเลือดปลายนิ้วเลือดปลายนิ้ว
วันที่ขึ้นทะเบียน อย.28 พฤษภาคม 256420 กรกฎาคม 256413 กันยายน 256525 ตุลาคม 2566
บริษัทนำเข้า/วางจำหน่ายบริษัท ไฮเจีย ลอจิสติกส์ จำกัดบริษัท แปซิฟิค ไบโอเทค จำกัดบริษัท ยี่สิบสี่ ไอที เน็ตเวิร์ค จำกัดบริษัท ดีซีเอช ออริกา (ประเทศไทย) จำกัด
หลักการตรวจImmuno Dot – Flow-through deviceImmuno-chromatographyLateral flow immunoassayImmunochromatography (3rd generation)
ความไวตามเอกสารกำกับ
(เกณฑ์ตามประกาศฯ)
99.5%
(99.5%)
100%
(99%)
99.5%
(99.5%)
100%
(99.5%)
ความจำเพาะของชุดตรวจ
(เกณฑ์ตามประกาศฯ)
100%
(99%)
99.87%
(98%)
100%
(99%)
99.90%
(99%)
บริษัทผู้ผลิตbioLytical Laboratories, CanadaOraSure Technology, USANantong Egens Biotechnology, ChinaAbon Biopharm (Hangzhou) Co., Ltd., China

วิธีใช้งานชุดตรวจเอชไอวีด้วยตัวเองแต่ละยี่ห้อ

อ้างอิง

  1. กรมควบคุมโรค, กระทรวงสาธารณสุข. (2566). ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง (HIV Self-Test). สืบค้นจาก https://hivsst.ddc.moph.go.th/
  2. World Health Organization (WHO). (2016). Guidelines on HIV self-testing and partner notification: Supplement to consolidated guidelines on HIV testing services. Retrieved from https://www.who.int/publications/i/item/9789241550581
  3. Centers for Disease Control and Prevention (CDC). (2022). HIV Testing Overview: Oral Fluid and Fingerstick Tests. Retrieved from https://www.cdc.gov/hiv/testing/index.html

อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ได้ปฏิวัติแนวทางการตรวจเอชไอวีแบบดั้งเดิม ทำให้ผู้คนสามารถตรวจสถานะสุขภาพของตนเองได้ง่าย สะดวก และเป็นส่วนตัวมากขึ้น การรู้สถานะเอชไอวีตั้งแต่เนิ่น ๆ คือกุญแจสำคัญในการป้องกันการแพร่เชื้อ และส่งเสริมการมีชีวิตที่มีคุณภาพสูง หากคุณเคยมีพฤติกรรมเสี่ยง หรือไม่เคยตรวจเอชไอวีมาก่อน ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองคือทางเลือกที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ อย่ารอให้สายเกินไป การตรวจเอชไอวีวันนี้ อาจเปลี่ยนชีวิตคุณในทางที่ดีขึ้นตลอดไป

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save
Scroll to Top