การรู้สถานะเอชไอวีของตนเองเป็นก้าวแรกที่สำคัญอย่างยิ่งในการดูแลสุขภาพ และป้องกันการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความอาย ความกลัวการถูกตีตรา หรือความไม่สะดวกในการเดินทางไปยังสถานพยาบาล อาจทำให้หลายคนหลีกเลี่ยงการตรวจเอชไอวี ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง (HIV Self-Test) ได้กลายเป็นทางเลือกใหม่ที่ปฏิวัติแนวทางการตรวจเอชไอวีแบบเดิม ๆ ช่วยให้ผู้คนสามารถตรวจหาเชื้อได้อย่างเป็นส่วนตัว สะดวก รวดเร็ว และมั่นใจมากยิ่งขึ้น บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับทุกแง่มุมของ ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ตั้งแต่ความสำคัญ ข้อดี วิธีการใช้งาน ไปจนถึงบทบาทของชุดตรวจเหล่านี้ในการควบคุมการระบาดของเอชไอวีในสังคมไทย
หัวข้อต่างๆ
ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง คืออะไร ?
ชุดตรวจเอชไอวี ด้วยตนเอง (HIV Self-Test) คือ อุปกรณ์ที่ช่วยให้บุคคลสามารถเก็บตัวอย่าง ตรวจวิเคราะห์ และแปลผลการตรวจเอชไอวีเบื้องต้นด้วยตนเองที่บ้าน หรือในสถานที่ที่ตนเองรู้สึกปลอดภัย โดยไม่จำเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเป็นผู้ดำเนินการ ชุดตรวจเหล่านี้ได้รับการออกแบบให้ใช้งานง่าย มีคำแนะนำที่ชัดเจน และไม่ต้องใช้เครื่องมือทางการแพทย์ซับซ้อน ตัวอย่างที่ใช้ตรวจอาจเป็นเลือดจากปลายนิ้ว หรือสารคัดหลั่งจากช่องปาก ขึ้นอยู่กับประเภทของชุดตรวจที่เลือกใช้ การใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว ลดอุปสรรคทางจิตใจในการตรวจหาเชื้อ และทำให้การเข้าถึงการตรวจเอชไอวีในประชากรทั่วไปมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทำไมการตรวจเอชไอวีจึงสำคัญ ?
การตรวจเอชไอวี มีความสำคัญไม่เฉพาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงเท่านั้น แต่ยังสำคัญสำหรับประชากรทั่วไปทุกคน เพราะการติดเชื้อเอชไอวีในระยะเริ่มต้นมักไม่มีอาการแสดงชัดเจน และผู้ที่ติดเชื้ออาจไม่รู้ตัวเป็นเวลาหลายปี การรู้สถานะเอชไอวีของตนเองแต่เนิ่น ๆ มีประโยชน์หลายประการ เช่น การเข้ารับการรักษาด้วยยาต้านไวรัส (ART) ได้เร็วขึ้น ซึ่งช่วยควบคุมปริมาณไวรัสในร่างกาย ลดโอกาสการถ่ายทอดเชื้อ และส่งเสริมสุขภาพระยะยาว นอกจากนี้ การตรวจเอชไอวีอย่างสม่ำเสมอยังเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมการระบาดของโรคในระดับชุมชน และลดการติดเชื้อรายใหม่ในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ในปัจจุบันมีกี่รูปแบบ ?

ปัจจุบันชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองมี 2 รูปแบบหลัก คือ
การเจาะปลายนิ้ว (Finger Puncture) เพื่อเก็บตัวอย่างเลือด
การเจาะปลายนิ้วเพื่อเก็บตัวอย่างเลือด ใช้ได้ทั้งในผู้ใหญ่และเด็กที่มีอายุมากกว่าหนึ่งปี นิ้วที่เหมาะสมในการเจาะคือ นิ้วนางและนิ้วกลาง เนื่องจากมีโอกาสเกิดผลแทรกซ้อนน้อยกว่านิ้วอื่น ตำแหน่งที่ควรเจาะ คือบริเวณกึ่งกลางระหว่างเนินนูนของนิ้วกับด้านข้าง โดยควรเจาะในแนวตั้งฉากกับเส้นลายนิ้วมือ เพื่อให้ได้ตัวอย่างเลือดที่เหมาะสมและลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน
ข้อจำกัด
- การตรวจด้วยวิธีนี้ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ นอกจากนี้ ผู้ที่กำลังใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวีอยู่ไม่ควรใช้ชุดตรวจคัดกรองด้วยตนเอง เพราะอาจทำให้เกิดผลลบปลอม (False Negative) ได้ อีกทั้งผู้ที่เคยเข้าร่วมการศึกษาทดลองวัคซีนเอชไอวีก็ไม่ควรใช้ชุดตรวจด้วยตนเองเช่นกัน เนื่องจากผลการตรวจอาจไม่แม่นยำ
คำเตือนและข้อควรระวัง
- ชุดตรวจนี้ออกแบบมาเพื่อใช้งานเพียงครั้งเดียว และใช้ได้สำหรับการทดสอบเพียงคนเดียวเท่านั้น ควรเก็บชุดตรวจให้พ้นมือเด็ก และใช้กับเลือดมนุษย์เท่านั้น ห้ามใช้ชุดตรวจที่หมดอายุหรือมีบรรจุภัณฑ์ที่ฉีกขาดหรือชำรุด นอกจากนี้ การอ่านผลการตรวจต้องกระทำภายในเวลาที่กำหนด ไม่ควรอ่านผลเกินหนึ่งชั่วโมงหลังจากทำการตรวจ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับ “ช่วงเวลาที่ยังตรวจไม่พบ” (Window Period)
- การตรวจคัดกรองเอชไอวีด้วยตนเองจะให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุด เมื่อทำการตรวจหลังจากมีความเสี่ยงมาแล้วอย่างน้อย 90 วัน หรือประมาณ 3 เดือน หากตรวจในช่วงเวลาที่สั้นกว่านี้ อาจทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ถูกต้อง
หมายเหตุสำคัญ
- การใช้งานชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง จำเป็นต้องศึกษาคู่มือและเอกสารกำกับน้ำยาของแต่ละยี่ห้ออย่างละเอียด เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างถูกต้องและได้ผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือ
การเก็บตัวอย่างจากสารน้ำในช่องปาก (Oral Fluid)
สารน้ำในช่องปาก หรือ Oral Fluid เป็นส่วนผสมของหลายองค์ประกอบ ได้แก่ Mucosa Transudate ซึ่งเป็นสารน้ำที่ซึมผ่านจากซีรัมเข้าสู่ช่องปากทางเยื่อบุช่องปาก น้ำจากเยื่อบุช่องปากบริเวณซอกเหงือกและฟัน (Gingival Crevicular Fluid, GCF) และน้ำลายที่หลั่งออกมาจากต่อมน้ำลาย ทั้งหมดนี้รวมกันเป็นสารตัวอย่างที่สามารถนำมาใช้ตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีได้
คำแนะนำ
- การใช้ชุดตรวจจากสารน้ำในช่องปากจะให้ผลที่แม่นยำที่สุด หากทำการตรวจหลังจากมีภาวะเสี่ยงมาแล้วอย่างน้อยสามเดือน หรือเก้าสิบวัน ก่อนทำการตรวจควรงดการดื่มหรือรับประทานอาหารเป็นเวลาอย่างน้อยสามสิบนาที เพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนของตัวอย่าง หากผู้ใช้มีการใส่อุปกรณ์ในช่องปาก เช่น ที่ครอบฟัน ฟันปลอม หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ครอบคลุมเหงือก ควรถอดออกก่อนทำการตรวจทุกครั้ง
ข้อควรระวัง
- ไม่ควรใช้ชุดตรวจหากตราประทับบนบรรจุภัณฑ์ถูกทำลาย หรือหากพบว่าเนื้อหาภายในขาดหายหรือถูกเปิดออกแล้ว นอกจากนี้ห้ามใช้ชุดตรวจที่หมดอายุ ซึ่งสามารถตรวจสอบวันหมดอายุได้ที่ด้านนอกกล่องบรรจุ หากชุดตรวจสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหรือถูกเก็บรักษานอกช่วงอุณหภูมิที่กำหนดไว้ระหว่าง 2 องศาเซลเซียส ถึง 30 องศาเซลเซียส ก็ไม่ควรนำมาใช้งาน เนื่องจากอาจส่งผลต่อความแม่นยำของผลตรวจ
หมายเหตุสำคัญ
- ก่อนใช้งานทุกครั้ง ผู้ใช้ควรอ่านและศึกษาคู่มือการใช้ชุดตรวจอย่างละเอียดจากเอกสารกำกับน้ำยาของแต่ละยี่ห้อ เพื่อให้การตรวจมีความถูกต้องและน่าเชื่อถือสูงสุด
ข้อดีของการใช้ ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง
การใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง มีข้อดีหลายประการที่ช่วยให้ผู้คนกล้าเข้าถึงการตรวจเอชไอวีมากขึ้น ได้แก่
- ความเป็นส่วนตัวสูง เพราะสามารถทำการตรวจได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องพบเจ้าหน้าที่
- ความสะดวกและรวดเร็ว สามารถตรวจได้ทุกที่ทุกเวลา และรู้ผลภายในไม่กี่นาที
- ลดความกลัวการถูกตีตรา และความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวที่อาจเกิดขึ้นในการตรวจที่สถานพยาบาล
- เปิดโอกาสให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล หรือมีข้อจำกัดด้านการเดินทางสามารถตรวจเอชไอวีได้ง่ายขึ้น
- เพิ่มโอกาสในการตรวจซ้ำอย่างสม่ำเสมอ สำหรับผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง
ข้อดีเหล่านี้ทำให้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองเป็นเครื่องมือสำคัญในการขยายการเข้าถึงบริการตรวจเอชไอวีในสังคมไทย
ข้อควรระวังในการใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง
แม้ว่าการใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองจะเป็นทางเลือกที่สะดวก แต่ก็มีข้อควรระวังที่ผู้ใช้งานต้องตระหนัก ได้แก่
- ไม่ใช้ชุดตรวจที่หมดอายุ หรือบรรจุภัณฑ์ชำรุด เพราะอาจทำให้ผลตรวจผิดพลาด
- ไม่อ่านผลก่อนเวลาหรือหลังเวลาที่กำหนด ควรอ่านผลภายในช่วงเวลาที่ผู้ผลิตระบุไว้เท่านั้น
- ไม่พึ่งผลตรวจจากชุดตรวจเพียงครั้งเดียวในกรณีที่มีความเสี่ยงสูง ควรตรวจซ้ำหรือเข้ารับการตรวจยืนยัน
- หากผลเป็นบวก ต้องเข้ารับการยืนยันผลที่สถานพยาบาล ไม่ควรตัดสินใจด้วยตนเองเพียงจากชุดตรวจเบื้องต้น
การปฏิบัติตามข้อควรระวังเหล่านี้จะช่วยให้การใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองมีประสิทธิภาพสูงสุด และช่วยส่งเสริมการดูแลสุขภาพตนเองอย่างปลอดภัย
ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองหาซื้อได้ที่ไหน ?

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสามารถหาซื้อได้จากหลากหลายช่องทาง เช่น ร้านขายยาที่ได้รับอนุญาต ร้านค้าออนไลน์ที่มีการรับรองอย่างเป็นทางการ หรือองค์กรที่ให้บริการส่งเสริมการตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง กระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทยได้ออกแนวทางกำกับดูแลการจำหน่ายชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง เพื่อให้มั่นใจว่าผู้บริโภคจะได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และมีความแม่นยำสูง ผู้ที่ต้องการซื้อชุดตรวจควรตรวจสอบว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และควรหลีกเลี่ยงการซื้อจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการใช้ชุดตรวจที่ไม่ได้มาตรฐาน
วิธีการทิ้งชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองอย่างปลอดภัย
- เก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง หลังจากใช้ชุดตรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรเก็บชุดตรวจที่ใช้แล้วในที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันเด็กหรือสัตว์เลี้ยงกัดแทะหรือสัมผัสโดยไม่ตั้งใจ
- บรรจุอุปกรณ์กลับในถุงชุดตรวจ นำวัสดุอุปกรณ์ทั้งหมดที่ใช้ในการตรวจ ใส่กลับเข้าไปในถุงบรรจุชุดตรวจเดิม จากนั้นปิดผนึกถุงให้แน่นสนิท และนำไปทิ้งในถังขยะที่ระบุสำหรับ “ขยะติดเชื้อ” โดยเฉพาะ
- การทำลายส่วนประกอบที่ไม่มีคม สำหรับส่วนประกอบของชุดตรวจที่ไม่มีคมหรือแหลมคม เช่น แถบทดสอบหรือหลอดเก็บตัวอย่าง ให้เติมน้ำยาล้างจานหรือผงซักฟอกลงในอุปกรณ์ก่อน จากนั้นใส่ลงในถุงพลาสติก มัดปากถุงให้แน่น และเขียนระบุบนถุงว่า “ขยะติดเชื้อ” ก่อนนำไปทิ้งอย่างเหมาะสม
- การจัดการส่วนประกอบที่มีคม หากมีส่วนประกอบที่มีคม เช่น เข็มหรือแลนเซ็ต ให้ใส่อุปกรณ์เหล่านี้ลงในภาชนะที่แข็งแรง ทนทานต่อการแทงทะลุ เช่น กล่องพลาสติกแข็ง หรือภาชนะที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับขยะติดเชื้อที่มีคม โดยบรรจุได้ไม่เกินสามในสี่ของภาชนะ และปิดฝาให้สนิท เพื่อป้องกันการรั่วไหลของของเหลวภายใน
- การทิ้งในถังขยะติดเชื้อ หากสถานที่ที่ท่านใช้ตรวจมีถังขยะติดเชื้อ (ถังสีแดง) กรุณาทิ้งชุดตรวจและอุปกรณ์ทั้งหมดลงในถังดังกล่าว เพื่อให้สามารถดำเนินการกำจัดอย่างถูกสุขลักษณะต่อไป
ความแตกต่างระหว่างการตรวจด้วยตนเองและการตรวจในสถานพยาบาล
การตรวจเอชไอวีด้วยตนเองและการตรวจในสถานพยาบาลมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การตรวจด้วยตนเอง มีข้อดีในเรื่องความสะดวก ความเป็นส่วนตัว และความรวดเร็ว ช่วยให้ผู้คนที่ไม่สะดวกไปตรวจที่สถานพยาบาลสามารถรู้สถานะของตนเองได้ง่ายขึ้น แต่หากผลออกมาเป็นบวก จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจยืนยันซ้ำในสถานพยาบาลเสมอ การตรวจในสถานพยาบาล มีข้อดีในเรื่องความแม่นยำสูง เพราะมีการใช้ชุดตรวจหลายประเภทควบคู่กัน และมีบุคลากรทางการแพทย์ช่วยแปลผลอย่างมืออาชีพ นอกจากนี้หากพบผลบวก ยังสามารถเริ่มกระบวนการดูแลรักษาได้ทันที ดังนั้น การตรวจด้วยตนเองจึงเหมาะสำหรับการตรวจเบื้องต้น และควรมีแผนสำหรับการตรวจยืนยันเพิ่มเติมหากได้ผลตรวจที่เป็นบวก
วิธีอ่านผลตรวจชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง

ผลบวก , Reactive
- ชุดตรวจที่ 1 : พบ 2 จุด/แถบ โดยพบบริเวณใกล้ ตัวอักษร C และจุดที่สองจะอยู่ด้านล่างของจุดนั้น
- ชุดตรวจที่ 2 และ 3 : ปรากฏแถบสีแดงขึ้น 2 แถบทั้งบริเวณแถบ C และ แถบ T จะอ่านผลว่า “มีปฏิกิริยา” แม้ว่าจะเห็นจุดด้านล่างขึ้นสีจางหรือแถบ C หรือ T ขึ้นแถบจางก็ตาม
ความหมาย : คุณอาจติดเชื้อเอชไอวีหรืออาจไม่ติดเชื้อแต่เกิดจากผลบวกปลอมด้วยสาเหตุอื่นๆ
ผลลบ , Non-reactive
- ชุดตรวจที่ 1 : สังเกตจากจุด ที่บริเวณใกล้ตัวอักษร C ขึ้นเพียงจุดเดียว
- ชุดตรวจที่ 2 และ 3 : ปรากฏแถบสีแดงบริเวณแถบ C เพียงแถบเดียว
ความหมาย : ตรวจไม่พบการติดเชื้อเอชไอวี คำแนะนำคือ ทดสอบใหม่อีกครั้งในช่วง 3 เดือน
ไม่สามารถแปลผลได้ , Invalid
- ชุดตรวจที่ 1 : หากไม่ว่ามีจุดบริเวณใกล้ตัวอักษร C หรือไม่ปรากฎจุดใดๆ
- ชุดตรวจที่ 2 และ 3
- ไม่ปรากฏแถบสีแดงทั้งแถบ C และ T ดังรูป (1)
- ปรากฏแถบสีแดงนอกบริเวณสามเหลี่ยมทั้ง แถบ C และ/หรือ แถบ T ดังรูป (2) และ (4)
- ปรากฏแถบสีแดงบริเวณแถบ T เท่านั้น ดังรูป (3)
- พื้นหลังของแถบอ่านผลมีลักษณะไม่ชัดเจน ดังรูป (5)
ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ที่ขึ้นทะเบียนสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในประเทศไทย
ประเด็นเปรียบเทียบ | Insti® | OraQuick® | I-CARE® | CheckNOW® |
---|---|---|---|---|
ชนิดสิ่งส่งตรวจ | เลือดปลายนิ้ว | สารน้ำในช่องปาก | เลือดปลายนิ้ว | เลือดปลายนิ้ว |
วันที่ขึ้นทะเบียน อย. | 28 พฤษภาคม 2564 | 20 กรกฎาคม 2564 | 13 กันยายน 2565 | 25 ตุลาคม 2566 |
บริษัทนำเข้า/วางจำหน่าย | บริษัท ไฮเจีย ลอจิสติกส์ จำกัด | บริษัท แปซิฟิค ไบโอเทค จำกัด | บริษัท ยี่สิบสี่ ไอที เน็ตเวิร์ค จำกัด | บริษัท ดีซีเอช ออริกา (ประเทศไทย) จำกัด |
หลักการตรวจ | Immuno Dot – Flow-through device | Immuno-chromatography | Lateral flow immunoassay | Immunochromatography (3rd generation) |
ความไวตามเอกสารกำกับ (เกณฑ์ตามประกาศฯ) | 99.5% (99.5%) | 100% (99%) | 99.5% (99.5%) | 100% (99.5%) |
ความจำเพาะของชุดตรวจ (เกณฑ์ตามประกาศฯ) | 100% (99%) | 99.87% (98%) | 100% (99%) | 99.90% (99%) |
บริษัทผู้ผลิต | bioLytical Laboratories, Canada | OraSure Technology, USA | Nantong Egens Biotechnology, China | Abon Biopharm (Hangzhou) Co., Ltd., China |
วิธีใช้งานชุดตรวจเอชไอวีด้วยตัวเองแต่ละยี่ห้อ
อ้างอิง
- กรมควบคุมโรค, กระทรวงสาธารณสุข. (2566). ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง (HIV Self-Test). สืบค้นจาก https://hivsst.ddc.moph.go.th/
- World Health Organization (WHO). (2016). Guidelines on HIV self-testing and partner notification: Supplement to consolidated guidelines on HIV testing services. Retrieved from https://www.who.int/publications/i/item/9789241550581
- Centers for Disease Control and Prevention (CDC). (2022). HIV Testing Overview: Oral Fluid and Fingerstick Tests. Retrieved from https://www.cdc.gov/hiv/testing/index.html
อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ได้ปฏิวัติแนวทางการตรวจเอชไอวีแบบดั้งเดิม ทำให้ผู้คนสามารถตรวจสถานะสุขภาพของตนเองได้ง่าย สะดวก และเป็นส่วนตัวมากขึ้น การรู้สถานะเอชไอวีตั้งแต่เนิ่น ๆ คือกุญแจสำคัญในการป้องกันการแพร่เชื้อ และส่งเสริมการมีชีวิตที่มีคุณภาพสูง หากคุณเคยมีพฤติกรรมเสี่ยง หรือไม่เคยตรวจเอชไอวีมาก่อน ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองคือทางเลือกที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ อย่ารอให้สายเกินไป การตรวจเอชไอวีวันนี้ อาจเปลี่ยนชีวิตคุณในทางที่ดีขึ้นตลอดไป