การป้องกันโรคฝีดาษวานร

โรคฝีดาษวานร คืออะไร?
โรคฝีดาษวานร (MPOX) คือ โรคติดเชื้อไวรัสที่เกิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่มเดียวกับไวรัสไข้ทรพิษ (Orthopoxvirus) โดยโรคนี้สามารถติดต่อจากสัตว์สู่คน หรือจากคนสู่คนผ่านการสัมผัสใกล้ชิด ปัจจุบันพบการระบาดในหลายประเทศนอกแอฟริกา ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่โรคนี้เคยระบาดเป็นหลักมาก่อน
ผู้ติดเชื้อมักแสดงอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ร่วมกับผื่นขึ้นตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า มือ เท้า หรืออวัยวะเพศ ซึ่งอาการมักไม่รุนแรงและหายได้เองในเวลา 2–4 สัปดาห์ แต่ในบางราย โดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้
โรคฝีดาษวานรไม่ใช่โรคใหม่ แต่กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง จากการระบาดในกลุ่มผู้มีเพศสัมพันธ์แบบใกล้ชิด โดยเฉพาะในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ทำให้การเฝ้าระวัง ตรวจวินิจฉัย และให้ข้อมูลที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด
หากคุณสงสัยว่าตนเองเสี่ยงติดเชื้อ หรือมีอาการต้องสงสัย ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที และหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่นจนกว่าจะได้รับการตรวจวินิจฉัยที่ชัดเจน
สายพันธุ์ของโรคฝีดาษวานร
โรคฝีดาษวานรมีอยู่ 2 สายพันธุ์หลัก ได้แก่ สายพันธุ์ที่ 1 (Clade I) และ สายพันธุ์ที่ 2 (Clade II) ซึ่งทั้งสองสายพันธุ์สามารถแพร่กระจายได้ในลักษณะคล้ายกัน โดยมีช่องทางการแพร่เชื้อหลัก ๆ ดังนี้:
- การสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์หรือการสัมผัสทางผิวหนังอย่างใกล้ชิด
- การสัมผัสวัสดุหรือสิ่งของที่ปนเปื้อน เช่น เสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน หรือของใช้ส่วนตัวของผู้ที่ติดเชื้อ
- การสัมผัสสัตว์ป่าที่มีเชื้อ โดยเฉพาะในบางพื้นที่ของแอฟริกาตะวันตกและแอฟริกากลาง ซึ่งเป็นบริเวณที่โรคนี้พบได้เป็นประจำ ทั้งในสัตว์มีชีวิตหรือสัตว์ที่ตายแล้ว
ทั้ง Clade I และ Clade II อาจทำให้เกิดอาการของโรคฝีดาษวานรได้ จึงควรเฝ้าระวังและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการระบาดหรือกลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูง
การแพร่กระจายของโรคฝีดาษวานร
โรคฝีดาษวานร สามารถแพร่เชื้อได้ผ่านการสัมผัสใกล้ชิดหรือการสัมผัสเชิงลึกกับผู้ติดเชื้อ โดยไม่จำกัดว่าเป็นสายพันธุ์ใดก็ตาม การสัมผัสดังกล่าวอาจเกิดขึ้นในสถานการณ์ต่าง ๆ ดังนี้:
- การสัมผัสผิวหนังโดยตรง กับผื่นหรือสะเก็ดแผลของผู้ที่ติดเชื้อ
- การสัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำมูก หรือของเหลวในร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณที่มีแผลรอบทวารหนัก ช่องคลอด หรืออวัยวะเพศ
- หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ อาจถ่ายทอดเชื้อไปยังทารกในครรภ์ หรือระหว่างคลอดและหลังคลอดได้
การสัมผัสโดยตรง อาจเกิดขึ้นระหว่างพฤติกรรมที่ใกล้ชิด เช่น:
- เพศสัมพันธ์ทางปาก ทวารหนัก หรือช่องคลอด
- สัมผัสอวัยวะเพศ เช่น องคชาต อัณฑะ แคม ช่องคลอด หรือทวารหนัก
- กอด นวด หรือจูบ
เนื่องจากโรคสามารถแพร่ผ่านการสัมผัสอย่างใกล้ชิด แม้ไม่มีการสอดใส่ การตระหนักรู้และป้องกันจึงเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
อาการของโรคฝีดาษวานร
ผู้ที่ติดเชื้อฝีดาษวานรมักมีผื่นขึ้นตามร่างกาย ซึ่งอาจปรากฏบริเวณมือ เท้า หน้าอก ใบหน้า ปาก หรือใกล้บริเวณอวัยวะเพศ เช่น องคชาต อัณฑะ แคม ช่องคลอด และรอบทวารหนัก
ระยะฟักตัวของโรคอยู่ที่ประมาณ 3–17 วัน โดยในช่วงนี้ผู้ติดเชื้อจะยังไม่มีอาการใด ๆ และอาจรู้สึกปกติ ลักษณะของผื่นฝีดาษวานร:
- ผื่นจะเปลี่ยนแปลงหลายระยะ ก่อนจะตกสะเก็ดและหายเอง
- เริ่มแรกอาจดูคล้ายสิวหรือตุ่มพอง ซึ่งอาจมีอาการเจ็บหรือคันร่วมด้วย
อาการอื่น ๆ ที่อาจพบร่วม:
- ไข้
- หนาวสั่น
- ต่อมน้ำเหลืองโต
- อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า
- ปวดกล้ามเนื้อหรือปวดหลัง
- ปวดศีรษะ
- อาการทางเดินหายใจ เช่น เจ็บคอ คัดจมูก หรือไอ
คุณอาจมีอาการทั้งหมด หรือเพียงบางอาการเท่านั้น โดยอาการในแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกัน และระดับความรุนแรงของการติดเชื้อ

เมื่อใดควรปรึกษาแพทย์
หากคุณมี ผื่นขึ้นใหม่ หรือ มีผื่นที่ไม่ทราบสาเหตุหรือมี อาการที่เข้าข่ายโรคฝีดาษวานร โดยเฉพาะหลังจากมีความเสี่ยงหรือสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่อาจติดเชื้อ ควรดำเนินการดังนี้:
- ไปพบแพทย์หรือผู้ให้บริการสุขภาพ: หากคุณสงสัยว่าตัวเองอาจติดเชื้อฝีดาษวานร หรือเคยสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อ ควรรีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินว่าคุณควรได้รับการตรวจหาเชื้อหรือไม่ หากไม่มีแพทย์ประจำตัวหรือไม่มีประกันสุขภาพ คุณสามารถไปที่คลินิกสาธารณสุขใกล้บ้าน
- ตรวจหาเชื้อหากแพทย์แนะนำ: หากแพทย์เห็นว่าคุณควรได้รับการตรวจ พวกเขาจะเก็บตัวอย่างจากร่างกายของคุณ ส่งตรวจในห้องปฏิบัติการ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิด: จนกว่าจะได้ปรึกษาแพทย์ ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ กอด หรือการสัมผัสทางผิวหนังกับผู้อื่น เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อหากคุณติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว
วัคซีนฝีดาษวานร
การฉีดวัคซีน เป็นวิธีสำคัญในการช่วยป้องกันการแพร่กระจายของโรคฝีดาษวานร หากคุณมีปัจจัยเสี่ยงบางประการที่เข้าเกณฑ์รับวัคซีน คุณสามารถปกป้องตัวเองได้โดยการเข้ารับวัคซีนฝีดาษวานร คุณสามารถติดต่อสถานพยาบาลใกล้บ้าน ร้านขายยา หรือสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ของคุณ เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีน Mpox และจุดให้บริการวัคซีนในพื้นที่
ข้อควรรู้เกี่ยวกับวัคซีนฝีดาษวานร
- ผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว ยังคงต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวหนังโดยตรง กับผู้ที่ติดเชื้อฝีดาษวานร เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
- ปัจจุบัน ไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเกิน 2 เข็ม หากคุณได้รับครบ 2 เข็มตามที่แนะนำแล้ว ไม่จำเป็นต้องฉีดเพิ่ม แม้คุณจะเคยสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ
- หากคุณ เคยติดเชื้อฝีดาษวานรมาก่อน CDC ไม่แนะนำให้รับวัคซีน JYNNEOS ในเวลานี้ แม้ว่าโอกาสในการติดเชื้อซ้ำจะยังมีอยู่ แต่ถือว่า พบได้น้อยมาก (น้อยกว่า 0.001%) และหากมีการติดเชื้อซ้ำ อาการโดยทั่วไปมักจะเบากว่าครั้งแรก