5 โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ทุกคนควรรู้จักมีอะไรบ้าง?
เรื่องเพศไม่ใช่เรื่องที่ควรละอายอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องที่ควรเรียนรู้เพื่อดูแลตนเองและคนที่เรารักอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะในปัจจุบันที่พฤติกรรมทางเพศของผู้คนมีความหลากหลายมากขึ้น โอกาสเสี่ยงต่อ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Infections หรือ STIs) ก็ย่อมเพิ่มขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม ความรู้ ความเข้าใจ และการตรวจสุขภาพเป็นประจำสามารถช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันโรคเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก 5 โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สำคัญและพบได้บ่อยที่สุด ซึ่งทุกคนควรทราบเพื่อป้องกัน ดูแล และรักษาได้อย่างทันท่วงที
1. ซิฟิลิส (Syphilis)
ซิฟิลิส เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum สามารถติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นทางช่องคลอด ทางทวารหนัก หรือทางปาก รวมถึงการสัมผัสแผลที่เป็นโรคโดยตรง สิ่งที่ทำให้ซิฟิลิสอันตรายคือ การที่อาการในระยะแรกอาจไม่มีความเจ็บปวด หรือหายไปเอง ทำให้ผู้ติดเชื้อเข้าใจผิดว่าตนเองหายแล้ว ทั้งที่เชื้อยังคงซ่อนอยู่ในร่างกายและสามารถลุกลามไปสู่ระบบต่าง ๆ ได้ เช่น สมอง หัวใจ และเส้นประสาท
อาการของซิฟิลิสแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่:
- แผลริมแข็ง (ไม่เจ็บ) ที่อวัยวะเพศ ปาก หรือทวารหนัก
- ผื่นขึ้นทั่วร่างกาย ฝ่ามือ ฝ่าเท้า มีไข้หรือปวดเมื่อย
- ระยะแฝงที่ไม่มีอาการ แต่ยังคงแพร่เชื้อได้
- ระยะสุดท้าย อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
ข่าวดีคือ หากตรวจพบแต่เนิ่น ๆ และรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ (เช่น เพนิซิลลิน) ก็สามารถหายขาดได้
2. หนองในแท้ (Gonorrhea)
หนองในแท้ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Neisseria gonorrhoeae ซึ่งติดต่อได้ง่ายมากจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในชายและหญิง โดยมีอาการที่แตกต่างกันไปตามเพศ
ในผู้ชาย มักมีอาการชัดเจน เช่น:
- ปัสสาวะแสบขัด
- มีหนองสีเหลืองหรือเขียวไหลออกจากอวัยวะเพศ
ในผู้หญิง อาจไม่แสดงอาการเลย หรือมีอาการคล้ายตกขาว มีกลิ่นผิดปกติ เจ็บท้องน้อย ซึ่งอาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นภาวะอื่น หากไม่ได้รับการรักษา หนองในสามารถลุกลามไปยังอุ้งเชิงกราน ท่อนำไข่ หรือในผู้ชายอาจลามไปถึงลูกอัณฑะและทำให้มีบุตรยากได้

3. หนองในเทียม (Chlamydia)
หนองในเทียม หรือ Chlamydia เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Chlamydia trachomatis เป็นโรคที่มักไม่แสดงอาการชัดเจน จึงอาจทำให้ผู้ติดเชื้อไม่รู้ตัว และแพร่เชื้อให้ผู้อื่นโดยไม่ตั้งใจ ในผู้หญิง โรคนี้อาจลุกลามจนทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากหรือการตั้งครรภ์นอกมดลูก ส่วนในผู้ชายอาจทำให้มีอาการคล้ายหนองใน เช่น ปัสสาวะแสบ หรือมีของเหลวออกจากปลายอวัยวะเพศ แม้ว่าโรคนี้จะไม่รุนแรงในช่วงแรก แต่ผลระยะยาวอาจกระทบต่อการเจริญพันธุ์อย่างรุนแรงหากไม่รีบรักษา
4. เอชไอวี (HIV)
เชื้อเอชไอวี (HIV) หรือ Human Immunodeficiency Virus เป็นเชื้อไวรัสที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย หากไม่ได้รับการรักษา อาจพัฒนาไปสู่โรคเอดส์ (AIDS)
เอชไอวีติดต่อผ่าน:
- การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยาง
- การใช้เข็มร่วมกัน
- การรับเลือดหรือปลูกถ่ายอวัยวะที่มีเชื้อ
- การถ่ายทอดจากแม่สู่ลูก
ข่าวดีคือ ในปัจจุบันมีทั้งยา PrEP (ป้องกันก่อนสัมผัส) และ PEP (ป้องกันหลังเสี่ยง) รวมถึงการรักษาด้วยยา ART ที่สามารถกดไวรัสให้อยู่ในระดับตรวจไม่พบ และ ไม่สามารถแพร่เชื้อได้ (U=U) แต่การรู้สถานะของตัวเองโดยการตรวจเลือดเป็นประจำ ก็ยังคงเป็นกุญแจสำคัญที่สุด
5. เอชพีวี (HPV และหูดหงอนไก่)
เชื้อเอชพีวี (HPV) หรือ Human Papillomavirus เป็นไวรัสที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ง่ายที่สุดในโลก และมีมากกว่า 100 สายพันธุ์ โดยบางสายพันธุ์ทำให้เกิดหูดหงอนไก่ ขณะที่สายพันธุ์อันตรายสามารถทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก มะเร็งทวารหนัก และมะเร็งช่องปาก
ในเพศชาย แม้ไม่แสดงอาการชัดเจน แต่ก็สามารถเป็นพาหะนำเชื้อได้โดยไม่รู้ตัว วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ การฉีดวัคซีน HPV ซึ่งสามารถป้องกันสายพันธุ์ที่เสี่ยงต่อมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรฉีดตั้งแต่วัยรุ่นอายุ 9–26 ปี แต่ผู้ใหญ่ที่ยังไม่เคยรับวัคซีนก็สามารถฉีดได้เช่นกัน
ตรวจได้ รักษาได้ ป้องกันได้
ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศใด อายุเท่าไหร่ หรือมีรูปแบบความสัมพันธ์อย่างไร โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์คือสิ่งที่สามารถป้องกันและดูแลได้ หากคุณหมั่นตรวจสุขภาพทางเพศอย่างสม่ำเสมอ และพูดคุยเรื่องเพศอย่างเปิดเผยกับคู่ของคุณ ข้อแนะนำเพิ่มเติม:
- ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
- หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยโดยไม่รู้สถานะสุขภาพ
- ตรวจ STI และ HIV เป็นประจำทุก 3–6 เดือน หากมีพฤติกรรมเสี่ยง
- เข้ารับการปรึกษาแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญโดยไม่ต้องอาย
สรุป โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เป็นเรื่องของสุขภาพที่ควรใส่ใจ การรู้จักโรคยอดฮิตอย่าง ซิฟิลิส, หนองใน, หนองในเทียม, เอชไอวี และเอชพีวี ช่วยให้คุณสามารถวางแผนการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย มีคุณภาพชีวิตที่ดี และลดความเสี่ยงต่อโรคได้อย่างยั่งยืน “จำไว้ว่าการมีเพศสัมพันธ์ที่ดี เริ่มต้นจากการ ใส่ใจสุขภาพทางเพศ ของคุณเองเสมอ”