กำลังโหลด......

โรคหนองในแท้ (Gonorrhea)

เพิ่มบทความเมื่อ 19 ธันวาคม 2023

โรคหนองในแท้ (Gonorrhea)

โรคหนองในแท้ เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI) ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Neisseria Gonorrhoeae และเป็นปัญหาสาธารณสุขเรื้อรังมาหลายศตวรรษ คู่มือฉบับสมบูรณ์นี้มุ่งนำเสนอความกระจ่างในหลากหลายแง่มุมของโรคหนองในแท้ ตั้งแต่สาเหตุและอาการ ไปจนถึงตัวเลือกการรักษาและกลยุทธ์ป้องกัน

ปัจจัยเสี่ยงอะไรบ้าง? ที่ทำให้เป็นโรคหนองในแท้

การแพร่เชื้อของโรคหนองในแท้สามารถส่งผ่านทางเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันได้ โดยเชื้อแบคทีเรีย Neisseria Gonorrhoeae หรือที่เรียกว่า Gonococcus หรือ Gonococci เป็นสายพันธุ์ของแบคทีเรียแกรมลบ Diplococci รูปร่างคล้ายเมล็ดกาแฟ ที่ถูกแยกได้โดย Albert Neisser ในปี 1879 แบคทีเรียชนิดนี้ทำให้เกิดโรคหนองในที่ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์และรูปแบบอื่นๆ ได้รวมถึง Gonococcemia ที่แพร่กระจายโรคข้ออักเสบติดเชื้อ และตาอักเสบจากเชื้อหนองใน ซึ่งจะเข้าสู่ร่างกายผ่านเยื่อบุอวัยวะเพศ โดยสามารถติดต่อได้แม้ไม่มีการหลั่งน้ำเชื้อ หรือสารคัดหลั่งจากอวัยวะเพศก็ตาม แต่การสัมผัสกับสารคัดหลั่งจากอวัยวะเพศของผู้ติดเชื้อ เช่น น้ำอสุจิ น้ำในช่องคลอด น้ำลาย ก็สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อได้ แต่การสัมผัสแบบผิวเผิน เช่น การจับมือ หรือจูบนั้นไม่ทำให้เกิดการติดเชื้อ นอกจากนี้ ยังมีพฤติกรรมบางอย่างที่อาจเพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อ ได้แก่

  • การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัยกับคนที่เป็นโรคหนองในแท้
  • การมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคนหรือมีพฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอนบ่อยครั้ง
  • การที่บุคคลดังกล่าวไม่เคยตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เลย ทำให้ขาดความรู้ในการป้องกันโรค

 

 

สัญญาณและอาการของโรคหนองในแท้

โรคหนองในแท้แสดงออกผ่านอาการต่างๆ มากมาย ตั้งแต่สัญญาณบ่งชี้ทั่วไป ไปจนถึงกรณีที่ไม่มีอาการ ทำให้การตระหนักรู้และการตรวจหาโรคแต่เนิ่นๆ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพ อาการทั่วไปของโรคหนองในแท้ มีดังนี้

  • มีสารคัดหลั่งผิดปกติไหลออกมา:
    • สัญญาณที่โดดเด่นอย่างหนึ่งของโรคหนองในแท้คือ ทั้งชายและหญิงจะมีสารคัดหลั่งผิดปกติออกมา ในเพศหญิงจะมีอาการตกขาว ในเพศชายอาจมีหนองไหลออกมาจากปลายองคชาต
  • เจ็บแสบเมื่อปัสสาวะ:
    • ผู้ที่เป็นโรคหนองในแท้มักมีอาการปวดหรือแสบร้อนขณะปัสสาวะ หรือมีอาการปัสสาวะขัด หากเกิดอาการในลักษณะนี้ให้ไปพบแพทย์อย่างทันทีและเริ่มการรักษา
  • เกิดการอักเสบบริเวณอวัยวะเพศ:
    • อัณฑะอักเสบ องคชาตอักเสบ และช่องคลอดอักเสบในเพศหญิง
  • มีอาการเจ็บคอ:
    • เกิดการติดเชื้อในช่องปาก หากมีเพศสัมพันธ์ทางปากกับคู่นอนที่ติดเชื้อ
  • ปวดทางทวารหนัก:
    • หรือเกิดการติดเชื้อทางทวารหนัก ในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก รู้สึกไม่สบาย เจ็บตึงที่ผิดปกติ หรือในเพศหญิงอาจทำให้มีอาการปวดบริเวณท้องน้อยได้

นอกจากนี้ โรคหนองในแท้ ยังสามารถทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ เช่น

  • การติดเชื้อลุกลามไปยังอวัยวะภายใน เช่น มดลูก รังไข่ ท่อนำไข่ ทำให้เกิดอาการปวดท้องน้อย ปวดหลัง ประจำเดือนมาผิดปกติ
  • การติดเชื้อลุกลามไปยังข้อต่อ ทำให้เกิดอาการปวดข้อ ข้ออักเสบ
  • การติดเชื้อลุกลามไปยังเยื่อหุ้มสมอง ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
  • การติดเชื้อลุกลามไปยังเยื่อหุ้มลูกตา ทำให้เกิดอาการตาแดง ปวดตา เป็นต้น

การตรวจวินิจฉัยโรคหนองในแท้

การตรวจวินิจฉัยโรคหนองในแท้ สามารถทำได้หลายวิธี โดยทั่วไปแล้ว แพทย์จะทำการซักประวัติ และตรวจร่างกายอย่างละเอียด เพื่อหาร่องรอยของการติดเชื้อ เช่น หาอาการว่ามีหนองไหลออกมาจากท่อปัสสาวะหรือช่องคลอดหรือไม่ ปัสสาวะแสบขัดหรือไม่ เป็นต้น นอกจากนี้ แพทย์อาจทำการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม เช่น

  • การตรวจปัสสาวะ แพทย์จะเก็บตัวอย่างปัสสาวะ เพื่อตรวจหาเชื้อแบคทีเรีย Neisseria Gonorrhoeae โดยวิธีย้อมสีแกรม (Gram Stain) หรือวิธีตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อ (Nucleic Acid Amplification Test: NAAT)
  • การตรวจสารคัดหลั่งจากอวัยวะเพศ แพทย์จะเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากอวัยวะเพศ เช่น น้ำอสุจิ น้ำในช่องคลอด หรือหนอง เป็นต้น เพื่อตรวจหาเชื้อโดยวิธีย้อมสีแกรม หรือวิธีตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อ
  • การตรวจเลือด แพทย์จะเจาะเลือด เพื่อตรวจหาสารภูมิคุ้มกันต่อเชื้อแบคทีเรียชนิดที่ทำให้เกิดโรคหนองในแท้ แต่วิธีนี้มักใช้เพื่อยืนยันการวินิจฉัยโรค ในผู้ที่สงสัยว่าอาจติดเชื้อหนองในแท้ แต่ผลการตรวจปัสสาวะ หรือสารคัดหลั่งจากอวัยวะเพศเป็นลบ
  • การตรวจวินิจฉัยโรคหนองในแท้ โดยวิธีย้อมสีแกรมถือเป็นวิธีที่รวดเร็ว และสามารถทำได้ในห้องตรวจทั่วไป แต่มีความไวต่ำ เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้มีลักษณะคล้ายเชื้อแบคทีเรียอื่นๆ ทำให้อาจตรวจพบเชื้อผิดพลาดได้

การตรวจวินิจฉัยโรคหนองในแท้ โดยวิธีตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อมีความไวและจำเพาะสูง แต่ใช้เวลานานกว่าวิธีย้อมสีแกรม และอาจต้องส่งตัวอย่างไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง หากผลการตรวจวินิจฉัยโรคหนองในแท้เป็นบวก ผู้ป่วยจะได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ โดยแพทย์จะพิจารณาเลือกยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมกับอาการและความรุนแรงของโรค โดยทั่วไปแล้ว ผู้ป่วยจะได้รับยาปฏิชีวนะแบบรับประทาน หรือแบบฉีดเข้าเส้นเลือดดำ ระยะเวลาในการรักษาประมาณ 1-2 สัปดาห์

การรักษาโรคหนองในแท้

หนองในแท้สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ โดยแพทย์จะพิจารณาเลือกยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมกับอาการและความรุนแรงของโรค โดยทั่วไปแล้ว ผู้ป่วยจะได้รับยาปฏิชีวนะแบบรับประทาน หรือแบบฉีดเข้าเส้นเลือดดำ ระยะเวลาในการรักษาประมาณ 1-2 สัปดาห์

ยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาโรคหนองในแท้

ยาปฏิชีวนะที่ใช้ในการรักษาโรคหนองในแท้ในปัจจุบัน ได้แก่

Ceftriaxone (เซฟไตรอะโซน)

เป็นยาปฏิชีวนะแบบฉีดเข้าเส้นกล้ามเนื้อ หรือฉีดเข้าเส้นเลือด ในกลุ่มเซฟาโลสปอรินรุ่นที่ 3 ออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างผนังเซลล์ของแบคทีเรีย นิยมใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียหลายชนิด เช่น

  • หนองในแท้
  • หนองในเทียม
  • ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
  • ติดเชื้อในปอด
  • ติดเชื้อในกระดูกและข้อ
  • ติดเชื้อในกระแสเลือด
  • ติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมอง

Cephalosporin รุ่นที่ 3 (เซฟาโลสปอริน)

ได้แก่ Cefazolin (เซฟาโซลิน) Cefotaxime (เซโฟแทกซีม) Ceftazidime (เซฟตาซิดิม) มีคุณสมบัติโดดเด่นที่สามารถกำจัดเชื้อแบคทีเรียได้หลากหลายชนิด ทั้งแกรมบวกและแกรมลบ มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย ใช้รักษาหรือป้องกันโรคหรือการติดเชื้อจากแบคทีเรียได้หลายชนิด เช่น

  • หนองในแท้
  • หนองในเทียม
  • ติดเชื้อทางเดินหายใจ
  • ปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ
  • ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ไตอักเสบ ติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะ
  • ติดเชื้อทางผิวหนัง เชื่อหนอง ฝี
  • ติดเชื้อในช่องท้อง
  • ติดเชื้อในกระแสเลือด
  • ติดเชื้ออุ้งเชิงกรานในผู้หญิง

Macrolides (แมคโครไลด์)

เป็นกลุ่มยาปฏิชีวนะที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการสังเคราะห์โปรตีนของแบคทีเรีย มีลักษณะเป็นวงแล็กโทนขนาดใหญ่ เช่น Azithromycin (อะซิโทรมัยซิน) Clarithromycin (คลาริโทรมัยซิน) ประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ดี แต่อาจทำให้ดื้อยาได้ง่าย นิยมใช้รักษาโรคหลายชนิด เช่น

  • หนองในแท้
  • หนองในเทียม
  • ติดเชื้อทางเดินหายใจ ปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ
  • ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ไตอักเสบ ติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะ
  • ติดเชื้อทางผิวหนัง ฝี หนอง
  • ติดเชื้อในช่องท้อง
  • ติดเชื้อในกระแสเลือด
  • ติดเชื้ออุ้งเชิงกรานในผู้หญิง
  • หอบหืด แพ้ภูมิตัวเอง ลูปัส ข้ออักเสบรูมาตอยด์

Quinolones (ควิโนโลน)

มีกลไกการออกฤทธิ์ยับยั้งการสังเคราะห์ดีเอ็นเอ (DNA) ของตัวแบคทีเรีย ทำให้แบคทีเรียหมดสภาพในการแบ่งเซลล์ และตายลงในที่สุด เช่น Ciprofloxacin (ไซโปรฟลอกซาซิน) Levofloxacin (ลีโวฟลอกซาซิน)

 

ยาปฏิชีวนะรูปแบบปริมาณการใช้
Ceftriaxoneฉีดเข้าเส้นเลือด250-500 มล. 1 เข็ม
Cefazolinฉีดเข้าเส้นเลือด1 กรัม ทุกๆ 12 ชั่วโมง ไม่เกิน 12 กรัม ต่อวัน
Cefotaximeฉีดเข้าเส้นเลือด500 มล. ถึง 1 กรัม
Ceftazidimeฉีดเข้าเส้นเลือด1-2 กรัมต่อวัน
Azithromycinรับประทานรับประทานยา 1 กรัม ในครั้งเดียว
Clarithromycinรับประทานรับประทานยา 250 มล. ทุกๆ 12 ชั่วโมง ต่อเนื่อง 10-14 วัน
Ciprofloxacinฉีดเข้าเส้นเลือด/รับประทาน400 มล. วันละ 2-3 ครั้ง หรือรับประทานยา 500-750 มล. วันละ 2 ครั้ง ต่อเนื่อง 7–14 วัน
Levofloxacinฉีดเข้าเส้นเลือด/รับประทาน500 มล. วันละ 1-2 ครั้ง หรือรับประทานยา  500 มล. วันละ 1 ครั้ง ต่อเนื่อง 7–14 วัน

 

การใช้ยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาโรคหนองในแท้ อาจมีผลข้างเคียงบ้าง เช่น มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ฯลฯ หากคุณรู้สึกแพ้ยารุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

การดูแลตนเองหลังการรักษาโรคหนองในแท้

  • งดมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 7 วันหลังได้รับยาปฏิชีวนะครบตามแผนการรักษา
  • แจ้งให้คู่นอนทราบเพื่อเข้ารับการตรวจและรักษาด้วย
  • ตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ซ้ำอีกครั้งใน 3-6 เดือนหลังการรักษา

วิธีป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อหนองในแท้

  • สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ถุงยางอนามัยเป็นวิธีป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อหนองในแท้ได้ถึง 99%
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เป็นโรคหนองในแท้ หรือมีประวัติเคยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ
  • รักษาความสะอาดร่างกายและอวัยวะเพศอย่างสม่ำเสมอ ล้างอวัยวะเพศด้วยน้ำสะอาดและสบู่อ่อนๆ หลังมีเพศสัมพันธ์
  • หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีตกขาวหรือปัสสาวะแสบขัด ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและทำการรักษาให้ทันท้วงที

แม้โรคหนองในแท้ จะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังคงเป็นปัญหาที่สาธารณสุขประเทศไทยยังมีความกังวลอยู่ การทำความเข้าใจกับสาเหตุ อาการ และแนวทางการรักษาโรคหนองในแท้นี้ จะช่วยให้แต่ละคนสามารถทำการป้องกัน และตรวจพบโรคนี้ในระยะเริ่มต้น รวมถึงงานวิจัยอย่างต่อเนื่องและโครงการด้านสาธารณสุข มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับการระบาดของโรคหนองในแท้ สร้างความหวังสำหรับอนาคตที่มีอัตราการเกิดโรคติดต่อทางเพศลดลง และเสริมสร้างสุขภาพทางเพศโดยรวมดีขึ้นกับทุกคน