วันที่ 3 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ สตูดิโอ Crimson ในกรุงเทพฯ ได้เกิดการถ่ายภาพสำหรับแคมเปญที่มีชื่อเรียกว่า “U=U&ME” ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิเพื่อรัก (Love Foundation) แคมเปญนี้มุ่งเน้นการเผยแพร่ และเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ชีวิตร่วมกับเชื้อเอชไอวี โดยเน้นที่การให้ความรู้และการต่อต้านการตีตราผู้ติดเชื้อเอชไอวีในสังคมไทย
แนวคิดเรื่อง U=U&ME
แคมเปญ “U=U&ME” เป็นพื้นที่ที่มุ่งเน้นการเผยแพร่ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับแนวคิด “U=U” (Undetectable=Untransmittable) ซึ่งหมายถึงการไม่ตรวจพบเชื้อเอชไอวีเท่ากับไม่สามารถแพร่เชื้อได้ แนวคิดนี้ ได้รับการยอมรับจากองค์การอนามัยโลก และสถาบันทางการแพทย์ชั้นนำทั่วโลก ซึ่งช่วยให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง และมีปริมาณไวรัสในเลือดต่ำ จนไม่สามารถตรวจพบได้ สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ และมีความสัมพันธ์ทางเพศโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการแพร่เชื้อ
ในการเปิดตัวแคมเปญนี้ มีการเข้าร่วมมือจากบุคคลที่มีชื่อเสียง และมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนแคมเปญ ได้แก่
ส.ส.ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ |
คุณไบรอัน ตัน ประธานกองประกวด Miss Fabulous Thailand |
คุณนก ยลดา สวนยศ Miss Fabulous Thailand Season 3 |
คุณต้น ศิริศักดิ์ ไชยเทศ นักขับเคลื่อนทางสังคม |
คุณนาตาเลีย เพลียแคม Miss Universe is U 2024 |
นพ.อริย์ธัช ตั้งสง่า |
นพ.ชัยวัฒน์ ทรงศิริพันธุ์ |
ภายใต้การช่วยเหลือของช่างภาพมืออาชีพชื่อดัง คุณปุย สรชัย แสงสุวรรณ ที่มีส่วนร่วมในการถ่ายภาพที่สำคัญในการสร้างความตระหนักรู้ในสังคมเกี่ยวกับเอชไอวี นอกจากนี้ มูลนิธิเพื่อรัก มีแผนการเผยแพร่ภาพและเนื้อหา จากการถ่ายภาพครั้งนี้ผ่านสื่อออนไลน์และสื่อสิ่งพิมพ์ เพื่อให้เข้าถึงประชาชนในทุกๆ ชนชั้นของสังคม โดยหวังว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงทัศนคติของสังคมต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีในระยะยาว และส่งเสริมให้ผู้ที่มีความเสี่ยง เข้ารับการตรวจและรักษาอย่างทันท่วงที
ประโยชน์ของแคมเปญ U=U and ME
ความสำคัญของแคมเปญ “U=U and ME” อย่างมากที่สุดอยู่ที่การกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทัศนคติและการเข้าใจเกี่ยวกับเอชไอวีในสังคมไทย นอกจากนี้ยังมีประโยชน์อื่นๆ ดังนี้:
- การลดความหวาดกลัวและการตีตรา: แคมเปญช่วยลดความกังวลและความหวาดกลัวที่ผู้ติดเชื้อเอชไอวีอาจเผชิญในสังคม โดยเปิดโอกาสให้ผู้คนเข้าใจว่า การใช้ชีวิตร่วมกับเอชไอวีที่มีการรักษาอย่างถูกต้อง สามารถลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อได้ต่ำลงถึงระดับที่ไม่สามารถตรวจพบได้ (Undetectable = Untransmittable, U=U).
- การเพิ่มการสนับสนุนทางสังคม: โดยการเผยแพร่แนวคิด U=U แคมเปญช่วยเสริมสร้างสังคมที่เข้าใจและเอื้อต่อผู้ที่มีเอชไอวี ไม่ว่าจะเป็นในครอบครัว สถานศึกษา หรือที่ทำงาน ทำให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีได้รับการสนับสนุนที่ดีขึ้นในชุมชนและสังคมในทุกๆ ด้านของชีวิตเหล่านั้น
- การกระตุ้นการสนทนา: การเปิดโอกาสให้เกิดการสนทนาเปิดเผยเกี่ยวกับเอชไอวีในครอบครัว สถานศึกษา และที่ทำงาน ช่วยให้เข้าใจถึงความสำคัญของการป้องกัน รักษา และสนับสนุนผู้ติดเชื้อเอชไอวีอย่างเหมาะสม
- การสนับสนุนนโยบายสาธารณสุข: แคมเปญช่วยสนับสนุนนโยบายสาธารณสุขที่เน้นการลดการแพร่ระบาดของเอชไอวี และการสนับสนุนผู้ที่มีความเสี่ยงในการเข้ารับการตรวจและรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอชไอวีอย่างทันท่วงที
- การสร้างสังคมที่ไม่มีการแบ่งแยก: แคมเปญช่วยสร้างสังคมที่ไม่มีการแบ่งแยก ทำให้ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่มีการตีตราและกีดกัน
- การเปลี่ยนแปลงทัศนคติ: ผ่านแคมเปญนี้ มูลนิธิเพื่อรักมุ่งหวังที่จะเปลี่ยนแปลงทัศนคติของสังคมต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี ให้ได้รับการยอมรับและการเข้าถึงที่มีคุณภาพในสังคมไทย
ทางมูลนิธิเพื่อรัก มุ่งหวังที่จะสร้างสังคมที่อบอุ่นและเป็นกันเอง ซึ่งทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่มีการแบ่งแยก และนำเสนอต่อสาธารณะเป็นตัวอย่างในการลดความหวาดกลัว และการเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี
อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- Sisterhood คอมมูนิตี้สำหรับผู้หญิงข้ามเพศ
- มูลนิธิเพื่อรัก และ APCOM ร่วมสร้างแนวทางใหม่ สำหรับการเป็นพันธมิตรด้านสุขภาพดิจิทัลในชุมชน
การจัดแคมเปญ U=U and ME เป็นก้าวสำคัญที่มีความหมายอันยิ่งใหญ่ ในการต่อสู้กับการตีตราและการเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีในประเทศไทย ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยปรับเปลี่ยนทัศนคติของสังคมเท่านั้น แต่ยังเป็นการสนับสนุนนโยบายสาธารณสุขของประเทศ ในการลดการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวี และการดูแลผู้ติดเชื้ออย่างมีประสิทธิภาพได้ต่อไปในอนาคต