ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โลกเผชิญกับการระบาดของโรค ฝีดาษวานร อย่างรุนแรง โดยเฉพาะในทวีปแอฟริกากลาง และแอฟริกาตะวันออก ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดข้ามประเทศ และส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้คนทั่วโลก ในขณะที่ประเทศไทยก็ไม่ละเว้นจากการระบาดนี้เช่นกัน แต่ยังคงความระมัดระวังและเข้มงวด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษวานรสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังถูกจับตามองอย่างมากในขณะนี้
ภาพรวมการระบาดของ ฝีดาษวานร ในแอฟริกา
นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของโรคฝีดาษวานร ในทวีปแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันออก โดยเฉพาะในประเทศที่มีความเสี่ยงสูง เช่น สาธารณรัฐบุรุนดี (Burundi) สาธารณรัฐเคนยา (Kenya) สาธารณรัฐรวันดา (Rwanda) สาธารณรัฐยูกันดา (Uganda) และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (Democratic Republic of the Congo) สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของอัตราการผู้ป่วยด้วยโรคฝีดาษวานร สายพันธุ์ Clade 1b ในช่วงปี 2565- 2567 โดยมีผู้ป่วยสะสมถึง 14,250 ราย และมีผู้เสียชีวิตถึง 456 ราย
สถานการณ์ ฝีดาษวานร ในประเทศไทย
สำหรับประเทศไทย แม้ว่าสายพันธุ์ของโรคฝีดาษวานรที่พบจะเป็นสายพันธุ์ Clade 2 ซึ่งแตกต่างจากสายพันธุ์ที่พบในแอฟริกา แต่ทางกรมควบคุมโรค ยังคงมีมาตรการเฝ้าระวังและตรวจสอบอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด นายแพทย์ธงชัยได้เน้นย้ำถึงความสำคัญ ของการคัดกรองนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาด รวมถึงการป้องกันโรคในประเทศ ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะพบผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรแล้ว 140 ราย แต่กรมควบคุมโรคก็ได้มีการแถลงข่าวพบผู้ป่วยโรคฝีดาษวานร สงสัยสายพันธุ์ใหม่คนแรกในประเทศไทย ซึ่งเดินทางมาพื้นที่ที่มีการระบาด คือทวีปแอฟริกา เป็นเพศชายชาวยุโรป อายุ 66 ปี โดยเข้ามาในไทยวันที่ 14 สิงหาคม 2567 เวลา 18:00 น. และในวันถัดไปมีอาการป่วย มีไข้สูง ซึ่งเข้าข่ายได้กับโรคฝีดาษวานร จึงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งผลตรวจเชื้อโรคฝีดาษวานร สายพันธุ์ Clade 2 ให้ผลเป็นลบ ส่วนสายพันธุ์ Clade 1b ให้ผลไม่ชัดเจน จึงต้องตรวจใหม่ และอยู่ระหว่างรอผลตรวจยืนยัน แม้ว่าผลการตรวจยังไม่ชัดเจน แต่ทุกคนควรเฝ้าระวังถึงอันตรายของฝีดาษวานร
มาตรการตรวจคัดกรองผู้เดินทางจากพื้นที่ระบาด
เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษวานรในประเทศไทย กรมควบคุมโรคได้มอบหมายให้กองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค เพิ่มมาตรการและเข้มงวดการตรวจคัดกรองสุขภาพสำหรับผู้เดินทางจากพื้นที่ระบาด โดยมีมาตรการดังนี้:
- ตรวจสอบการลงทะเบียน Health Declaration: นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยจะต้องลงทะเบียน Health Declaration ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลที่อยู่ การเดินทาง และสถานที่ติดต่อระหว่างอยู่ในประเทศไทย ข้อมูลเหล่านี้จะถูกใช้ในการควบคุมและติดตามสุขภาพของนักท่องเที่ยว
- ประชาสัมพันธ์แนวทางปฏิบัติสำหรับผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยง: ในบริเวณด่านคัดกรองจะมีการประชาสัมพันธ์แนวทางปฏิบัติสำหรับผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยงใน 4 ภาษา ได้แก่ ไทย อังกฤษ ฝรั่งเศส และสเปน นอกจากนี้ยังมี QR code สำหรับการรายงานอาการเจ็บป่วยของตนเอง ซึ่งจะช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถติดตามสุขภาพของตนเอง และรายงานหากมีอาการที่เข้าได้กับโรคฝีดาษวานร
- วัดอุณหภูมิร่างกาย: ทุกคนที่เดินทางเข้าประเทศไทยจะต้องผ่านการวัดอุณหภูมิร่างกาย หากพบว่ามีไข้หรืออาการที่เข้าได้กับโรคฝีดาษวานร เช่น มีผื่นขึ้น ก็จะต้องทำการตรวจเพิ่มเติม
- การตรวจสอบอาการที่ด่านควบคุมโรคติดต่อ: หากพบผู้เดินทางที่มีผื่นหรืออาการที่เข้าได้กับโรคฝีดาษวานร จะถูกแยกตัวไว้ในห้องแยกโรคทันที และจะมีการเก็บตัวอย่างจากผื่นและลำคอ เพื่อตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการด้วยวิธี RT-PCR ซึ่งใช้เวลาประมาณ 70 นาทีในการรอผลตรวจ หากผลตรวจพบว่าเป็นโรคฝีดาษวานร ผู้ป่วยจะถูกส่งตัวไปรับการรักษาที่สถาบันบำราศนราดูร ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในสังกัดกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
- การตรวจอาการที่สนามบิน: กรณีที่พบผู้เดินทางมีผื่นชัดเจนที่ด่านหรือสนามบิน จะถูกพามาตรวจสอบอาการที่ด่านควบคุมโรคติดต่อทันที เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่แพร่กระจายเชื้อเข้าสู่ประเทศ
การป้องกันโรค ฝีดาษวานร
นอกจากมาตรการคัดกรองแล้ว การป้องกันโรคฝีดาษวานรยังเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อและการแพร่ระบาดในสังคม โดยกรมควบคุมโรคได้แนะนำวิธีการป้องกันโรคฝีดาษวานรดังนี้:
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แออัดหรือคนพลุกพล่าน
- การอยู่ในสถานที่ที่มีคนหนาแน่นเพิ่มความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อโรค ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคนมากและลดการสัมผัสใกล้ชิดกับบุคคลอื่น
- ทำความสะอาดพื้นผิวที่สัมผัสร่วม
- การทำความสะอาดพื้นผิวที่มีการสัมผัสร่วมกันบ่อยๆ เช่น ลูกบิดประตู โต๊ะ และเก้าอี้ จะช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อโรค
- หมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์
- การล้างมือเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการลดการแพร่เชื้อโรค ควรล้างมือทุกครั้งหลังจากสัมผัสพื้นผิวที่สาธารณะหรือหลังจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น
- ไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
- การใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าขนหนู หวี หรือเครื่องใช้ในครัว อาจทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกัน
- สังเกตอาการของตนเองและเข้ารับการตรวจเชื้อหากสงสัย
- หากพบว่ามีอาการไข้ เจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ หรือมีผื่นขึ้นตามร่างกาย ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรับการรักษาตั้งแต่ต้น นอกจากนี้ยังสามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อที่สถานพยาบาลใกล้บ้านได้ทุกแห่ง
การเฝ้าระวังและการตรวจสอบในอนาคต
กรมควบคุมโรคยังคงเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคฝีดาษวานรอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีการเดินทางระหว่างประเทศมากขึ้น นายแพทย์อภิชาตยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการตรวจสอบและเฝ้าระวังสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่อาจพบในอนาคต ทั้งนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าโรคฝีดาษวานรจะไม่กลายเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของประชาชนในประเทศไทย
การเตรียมตัวก่อนเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาด
สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาดของโรคฝีดาษวานร โดยเฉพาะในทวีปแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันออก ควรเตรียมตัวอย่างรอบคอบและระมัดระวังตามคำแนะนำต่อไปนี้:
ศึกษาสถานการณ์การระบาดในประเทศที่เดินทางไป | ศึกษาสถานการณ์การระบาดในประเทศที่เดินทางไป: ก่อนเดินทางควรตรวจสอบข้อมูลการระบาดในประเทศปลายทางผ่านเว็บไซต์ของกรมควบคุมโรคหรือหน่วยงานสาธารณสุขที่เชื่อถือได้ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะไม่เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดรุนแรง หรือหากจำเป็นต้องเดินทาง ควรเตรียมตัวป้องกันอย่างดี |
หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับบุคคลที่มีอาการต้องสงสัย | หากพบว่ามีผู้ที่มีอาการเข้าได้กับโรคฝีดาษวานร เช่น มีผื่นขึ้นตามร่างกาย หรือมีอาการไข้สูง ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ |
พกพาอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล | ควรพกพาหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และอุปกรณ์ป้องกันอื่นๆ ที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเมื่อเดินทางไปในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง |
ระวังการรับประทานอาหารและน้ำดื่ม | ในบางประเทศที่มีการระบาด อาหารและน้ำอาจเป็นแหล่งแพร่เชื้อ ควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุกและดื่มน้ำที่ผ่านการกรองหรือบรรจุขวดเพื่อลดความเสี่ยง |
สังเกตอาการตนเองหลังการเดินทางกลับประเทศ | เมื่อเดินทางกลับประเทศควรสังเกตอาการตนเองเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไข้ ผื่น หรือตุ่มหนอง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรับการรักษาโดยเร็ว |
การปฏิบัติตัวเมื่อพบอาการต้องสงสัย
หากคุณหรือคนใกล้ชิดเริ่มแสดงอาการที่เข้าได้กับโรคฝีดาษวานร ควรปฏิบัติตัวดังนี้:
- แยกตัวจากผู้อื่น: หากมีอาการต้องสงสัย เช่น ไข้สูง ผื่นขึ้นตามร่างกาย หรือตุ่มน้ำใส ควรแยกตัวจากผู้อื่นทันทีเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
- สวมหน้ากากอนามัย: เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ ควรสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
- รายงานอาการต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุข: หากคุณเพิ่งเดินทางกลับจากพื้นที่ที่มีการระบาด หรือมีอาการที่เข้าได้กับโรคฝีดาษวานร ควรรายงานอาการต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ทันที เพื่อให้ได้รับการตรวจสอบและรักษาอย่างเหมาะสม
- เข้ารับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ: หากมีอาการที่ชัดเจน ควรเข้ารับการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันว่าเป็นโรคฝีดาษวานรหรือไม่ การตรวจ RT-PCR จะช่วยยืนยันผลอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- คู่มือการ ตรวจหาเชื้อ HIV ในกรุงเทพ: ค่าใช้จ่ายและตัวเลือกต่างๆ
- เตรียมตัวก่อนตรวจ HIV อย่างไร ใครไม่เคยตรวจ ต้องอ่าน!
โรคฝีดาษวานรเป็นโรคที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่ระบาดข้ามประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่การเดินทางระหว่างประเทศเป็นเรื่องปกติ แม้ว่าสถานการณ์ในประเทศไทยยังไม่พบสายพันธุ์ที่มีความรุนแรงสูงเหมือนในทวีปแอฟริกา แต่การเฝ้าระวังและป้องกันยังคงเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง การคัดกรองนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง การเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงการปฏิบัติตัวตามแนวทางการป้องกันโรค เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษวานรในประเทศไทย ประชาชนทุกคนควรให้ความร่วมมือ และปฏิบัติตามมาตรการที่กรมควบคุมโรคกำหนด ไม่เพียงแต่เพื่อความปลอดภัยของตนเอง แต่ยังเป็นการช่วยป้องกันการแพร่ระบาดในสังคมและประเทศชาติอีกด้วย