ตรวจ HSV เป็นอย่างไร มีวิธีไหนบ้าง?

ตรวจ HSV เป็นอย่างไร มีวิธีไหนบ้าง?

การตรวจ HSV หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “เริมที่อวัยวะเพศ” ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง เกิดจากเชื้อไวรัสเฮอร์เพล็กซ์ซิมเพล็กซ์ หรือภาษาอังกฤษว่า Herpes Simplex Virus (HSV) โรคนี้มักเป็นเรื่องปกติที่พบเห็นได้บ่อย ในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูง หรือในผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หรือมีเชื้อไวรัสเอชไอวีอยู่ในร่างกายก็สามารถมีโรคนี้แทรกซ้อนขึ้นมาได้หากไม่ได้ดูแลตัวเองอย่างดีพอ

ตรวจ HSV ทำให้พบโรคใด

การตรวจ HSV เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการวินิจฉัยโรคเริมที่อวัยวะเพศ การตรวจนี้สามารถทำได้โดยใช้ตัวช่วยเครื่องมือทางห้องปฏิบัติการ หรือการตรวจด้วยตัวเองที่บ้านก็ได้ คือ การตรวจเลือดจากแพทย์ที่สถานพยาบาล และการตรวจด้วยอุปกรณ์ชุดตรวจ (Rapid Test) โดยเชื้อ HSV จะเป็นการติดเชื้อที่เกิดบริเวณผิวหนัง จากเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดแผลเป็นรอยเจ็บปวดในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย มีอยู่ 2 ประเภทหลัก ได้แก่

  • HSV-1 จะทำให้เกิดแผลเป็น รอยเจ็บปวด หรือเป็นตุ่มน้ำเยิ้มรอบริมฝีปาก หรือโรคเริมที่ปาก
  • HSV-2 จะทำให้เกิดแผล เจ็บปวด หรือเป็นตุ่มน้ำเยิ้มที่ช่องคลอดหรืออวัยวะเพศ เป็นเชื้อไวรัสประเภทหนึ่งที่มักเกิดโรคติดเชื้อทางเพศโดยเฉพาะ โดยที่เชื้อนี้จะแพร่กระจายผ่านทางน้ำมูก น้ำลาย และของเหลวช่องคลอดของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ โดยมักจะเกิดอาการผิดปกติบริเวณช่องคลอด และเกิดไข้เป็นได้ด้วย

โรคเริมที่อวัยวะเพศ จะแพร่กระจายผ่านการสัมผัสโดยตรงกับแผล ผ่านทางเพศสัมพันธ์ที่ช่องคลอดหรือรูทวารหนัก บางครั้งเชื้อนี้ก็สามารถแพร่กระจายไปยังคู่นอนได้ แม้ไม่มีแผลที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เชื้อ HSV นี้สามารถเกิดขึ้นซ้ำได้ ถึงแม้ว่าแผลเริมในครั้งแรกของคุณจะหายไปแล้วก็ตาม แต่อาจไม่มีอาการที่รุนแรงเท่ากับครั้งแรกที่ได้รับเชื้อมา

กลุ่มใดที่ควรทำการ ตรวจ HSV

การที่จะ ตรวจ HSV นั้นจะเริ่มต้นด้วยการตรวจหาไวรัสในร่างกายของคุณ แม้ว่าจะยังไม่มีทางรักษาโรคเริมได้ แต่ก็มียาที่ช่วยกำจัดอาการได้ ตรวจหาว่าเป็นก้อน หรือตุ่มน้ำที่อวัยวะเพศหรือไม่ หากคู่นอนของคุณมีความเสี่ยงก็ควรแนะนำให้มาตรวจ HSV ไปพร้อมกันด้วย Herpes Simplex Virus อาจเพิ่มความเสี่ยงของคุณต่อเชื้อไวรัสเอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ได้ด้วย และคุณอาจต้องทำการตรวจหากมีปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้

  • มีพฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอนบ่อย หรือมีเพศสัมพันธ์กับคนหลายคนโดยไม่ได้ป้องกัน
  • ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย
  • มีคู่นอนที่ติดเชื้อเอชไอวีหรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ

ตรวจ HSV เป็นอย่างไร

การตรวจ HSV ทำได้ด้วยการเก็บตัวอย่างหรือที่เรียกว่า Swab Test และการตรวจเลือด หรือการเจาะน้ำไขสันหลังประเภทของการตรวจ HSV จะขึ้นอยู่กับอาการ และประวัติสุขภาพของคุณ

  • สำหรับการตรวจ HSV ด้วยวิธี Swab Test) แพทย์จะใช้สวอบ เพื่อเก็บน้ำเหลืองและเซลล์จากแผลเริ่มต้นของโรคเริมที่อวัยวะเพศ
  • สำหรับการตรวจ HSV ด้วยการตรวจเลือด แพทย์จะเจาะเลือดของคุณด้วยเข็มขนาดเล็ก จากนั้นจะเก็บตัวอย่างเลือดออกมาเพื่อตรวจ การเจาะเลือดนี้จะใช้เวลาน้อยกว่า 5 นาทีและคุณอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยเมื่อเข็มเจาะเข้าหรือออก โดยทั่วไปจะไม่ใช้เวลานาน
  • การเจาะน้ำไขสันหลัง หรือ Lumbar Puncture เป็นการตรวจที่ทำในกรณีที่แพทย์พิจารณาว่า คุณอาจมีการติดเชื้อที่สมอง หรือกระดูกสันหลัง วิธีนี้แพทย์จะเจาะเข้าไปในส่วนล่างของสันหลังด้วยเข็มที่เล็กและบาง จากนั้น จะเก็บสารคัดหลั่งที่ได้ไปทำการตรวจที่ห้องปฏิบัติการ

ผลการตรวจ HSV ออกมาแบบไหนได้บ้าง?

ผลการตรวจ HSV ออกมาแบบไหนได้บ้าง?

ผลการตรวจ HSV ของคุณจะแสดงเป็นติดผลลบ หรือผลบวก

  • หากผลตรวจแสดงว่าติดลบ ถือว่าคุณมีผลตรวจ HSV ที่ปกติ คือ ไม่พบเชื้อไวรัส แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะติดเชื้อ HSV ได้หากตรวจในระยะฟักตัวที่ไม่เพียงพอ หรืออาจหมายความว่าตัวอย่างที่ได้ ไม่มีเชื้อเพียงพอที่จะตรวจพบ หากคุณยังมีอาการเริมที่อวัยวะเพศอยู่ คุณอาจต้องทำการตรวจอีกครั้ง
  • หากผลตรวจแสดงว่าบวก ถือว่าคุณมีผลตรวจ HSV ที่ผิดปกติ คือ พบเชื้อไวรัสอยู่ในตัวอย่างของคุณ อาจหมายความว่าคุณกำลังมีเชื้อ หรือกำลังรักษาอยู่ หรือเคยมีการติดเชื้อในอดีต แต่ไม่มีแผลแล้ว

หากการตรวจ พบว่าคุณติดเชื้อ HSV คุณควรพูดคุยกับผู้ให้บริการด้านสุขภาพของคุณ ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีทางรักษาเชื้อนี้ให้หายไปจากร่างกาย แต่การรักษาโรคนี้จะช่วยลดความรุนแรง และจำนวนของการเกิดแผลเริมที่อวัยวะเพศได้

วิธีป้องกันการติดเชื้อ HSV

เรื่องของการป้องกันการติดเชื้อ HSV นั้นมีหลายวิธีและมีความสำคัญอย่างมากเพราะเป็นโรคติดเชื้อที่รุนแรงและไม่มีทางรักษาหายได้สมบูรณ์ ดังนั้นหากเราสามารถป้องกันการติดเชื้อได้แล้วก็จะช่วยให้เรามีสุขภาพที่แข็งแรงและมั่นคงได้ตลอดเวลา วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันเชื้อหรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คือ การไม่มีเพศสัมพันธ์เลย แต่คงเป็นไปได้ยาก หากคุณมีเพศสัมพันธ์ คุณสามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้โดย

  • มีคู่นอนคนเดียว เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ STDs
  • ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
  • ลดความเครียด ทำจิตใจให้ผ่องใส เพื่อระบบภูมิคุ้มกันที่ดี
  • การบำรุงรักษาร่างกายให้แข็งแรง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ งดสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

กล่าวโดยสรุป คือ โรคเริมที่อวัยวะเพศ เป็นโรคติดเชื้อเกิดจากเชื้อไวรัส มักพบได้บ่อยในผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น มีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่นโดยไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย หรือมีพฤติกรรมเสี่ยง เชื้อ HSV นี้สามารถระบาดได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง โดยอาการของโรคเริมที่อวัยวะเพศ จะเป็นแผลหรือตุ่มน้ำเหลืองสีคล้ำขนาดเล็ก แต่สามารถขยายขึ้นไปเป็นก้อนหรือกลุ่ม และบางครั้งอาจมีอาการคัน แต่ไม่มีอาการเจ็บปวดหรือเจ็บร้อน การรักษาโรคเริมที่อวัยวะเพศก็คือการหมั่นตรวจ HSV นั่นเอง เพราะเมื่อคุณรู้ว่าติดเชื้อเร็วเมื่อไหร่การรักษาก็เร็วเท่านั้นและไม่ทำให้คุณต้องพบกับอาการที่น่ารำคาญใจในอนาคต พร้อมทั้งป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ HSV ซ้ำอีกด้วยครับ

Scroll to Top