ทุกวันนี้การรักษา HIV พัฒนาไปไกลมากจนหลายคนที่เพิ่งเริ่มต้นรักษา หรือเพิ่งตรวจพบว่าติดเชื้อ อาจตกใจว่าทำไมแพทย์ถึงให้ยาวันละเม็ดเดียว ทั้งที่เมื่อก่อนต้องกินหลายเม็ด แถมยังมีผลข้างเคียงเยอะ บทความนี้จะพาเข้าคู่มือแบบละเอียดและเข้าใจง่ายเกี่ยวกับ ยารักษา HIV ทั้งรุ่นใหม่ รุ่นมาตรฐาน และรุ่นพิเศษ พร้อมสรุปข้อมูลสำคัญสำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้นรักษาหรืออยากอัปเดตความรู้ตามแบบฉบับเพื่อนเล่าให้เพื่อนฟัง อ่านง่าย ใช้งานได้จริง และอิงตามมาตรฐานปัจจุบัน
หัวข้อต่างๆ
ยารักษา HIV คืออะไร? ทำไมต้องกินสม่ำเสมอทุกวัน
ยารักษา HIV หรือที่เรียกว่า ART (Antiretroviral Therapy) / ยาต้านไวรัส คือยาที่ทำงานยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อ HIV ทำให้ปริมาณไวรัสลดลงจนตรวจไม่พบ (Undetectable)
ทำไมต้องกินทุกวัน?
- เพราะเชื้อ HIV แบ่งตัวเร็วมาก
- หากลืมบ่อย → เชื้อดื้อยา
- เมื่อดื้อยา → ยากลุ่มเดิมใช้ไม่ได้ ต้องเปลี่ยนสูตรที่แพงกว่าและอาจมีผลข้างเคียงมากกว่า
“การกินยาตรงเวลา = สิ่งสำคัญที่สุดของการรักษา HIV ทุกยุคทุกสมัย”

ยารักษา HIV ในปัจจุบันมีกี่แบบ?
เพื่อให้เข้าใจง่าย เราแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
- สูตรยาต้านแบบเม็ดเดียวต่อวัน (STR – Single Tablet Regimen)
- สูตรยาต้านหลายเม็ด หรือสูตรแยกส่วน
- ยาต้านแบบฉีดรุ่นใหม่ (Long-acting)
แต่ละแบบมีความต่างด้าน
- ความสะดวก
- ผลข้างเคียง
- ราคา
- ความเหมาะกับสภาพร่างกายแต่ละคน
เรามาดูแบบละเอียดกันทีละประเภท
1) ยาต้านสูตรเม็ดเดียวต่อวัน (Single Tablet Regimen – STR)
เป็นสูตรยอดนิยมที่สุด เพราะสะดวก กินวันละ 1 เม็ดก็ครบทุกตัวยาที่จำเป็น ในประเทศไทยใช้อย่างแพร่หลาย 4 กลุ่มนี้:
Atripla® (Efavirenz + Emtricitabine + Tenofovir DF)
จุดเด่น:
➭ เป็นสูตรยาในยุคแรก ๆ
➭ ราคาค่อนข้างประหยัด
➭ รับประทานยาวันละครั้ง
จุดด้อย:
➭ ผลข้างเคียงค่อนข้างมาก
➭ กระทบสุขภาพจิตได้ในบางราย
➭ ไม่ใช่สูตรที่นิยมเริ่มใหม่แล้ว
Genvoya® (EVG/c/FTC/TAF)
จุดเด่น:
➭ อ่อนโยนต่อไตและกระดูก
➭ ผลข้างเคียงค่อนข้างน้อย
➭ รับประทานยาวันละครั้ง
จุดด้อย:
➭ ต้องรับประทานพร้อมอาหาร
➭ ราคาแพงกว่าสูตรที่มี TDF
➭ ระวังเมื่อต้องใช้ร่วมกับยาอื่น
Biktarvy® (BIC/FTC/TAF) — ตัว Top ฮิตทั่วโลก
ถือเป็น ยารักษา HIV รุ่นใหม่ยอดนิยมที่สุดในปีปัจจุบัน
จุดเด่น:
➭ ยับยั้งเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
➭ ไม่ต้องทานพร้อมอาหาร
➭ รับประทานยาวันละครั้ง
➭ ผลข้างเคียงค่อนข้างน้อยที่สุด
➭ เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นรักษา
จุดด้อย:
➭ ต้องระวังในผู้ที่มีไวรัสตับอักเสบบี
➭ ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหากลืนยา
➭ ไม่เหมาะกับผู้ที่มีไตวาย
➭ ใช้ร่วมกับยาบางชนิดไม่ได้
➭ อาจมีผลต่อไตและน้ำหนักตัว
แต่แพทย์จำนวนมากเลือก Biktarvy เป็น “ยาตัวแรก” สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพราะให้ผลไวและปลอดภัย
Dovato® (DTG + 3TC) — สูตร 2 ตัวยา
ความพิเศษคือเป็นยาต้านที่มี “เพียง 2 ตัวยา” ไม่ใช่ 3 ตัวเหมือนสูตรอื่น
จุดเด่น:
➭ ลดผลข้างเคียงระยะยาว
➭ ลดภาระต่อตับและไต
➭ ออกฤทธิ์ยับยั้งไวรัสได้ดีมาก
จุดด้อย:
➭ ใช้ได้เฉพาะผู้ที่ไม่ดื้อยา 3TC
➭ ต้องเริ่มใช้เมื่อ Viral Load ไม่สูง
➭ ไม่เหมาะผู้ติดเชื้อตับอักเสบบี

2) สูตรยาต้านแบบหลายเม็ด (Multi-tablet regimen)
เหมาะกับกรณี
- ต้องปรับสูตรเฉพาะราย
- มีโรคประจำตัว
- มีผลข้างเคียงจากสูตร STR
- ดื้อยาบางกลุ่ม
ยาหลักที่ใช้กัน ได้แก่:
กลุ่ม Integrase Inhibitors (INSTIs)
ตัวยาหลักของยุคนี้เพราะแรงเร็วและปลอดภัย
- Dolutegravir (DTG)
- Bictegravir (BIC)
- Raltegravir (RAL)
กลุ่ม NRTIs
เป็นตัวยาหลักที่ใช้คู่กับอินทิเกรส
- TDF (Tenofovir DF)
- TAF (Tenofovir AF)
- 3TC (Lamivudine)
- FTC (Emtricitabine)
กลุ่ม NNRTIs
ในปัจจุบันใช้ลดลง แต่ยังมีบทบาทบางกรณี
- Efavirenz (EFV)
- Rilpivirine (RPV)
กลุ่ม Protease Inhibitors (PIs)
เหมาะกับผู้ดื้อยาระดับหนึ่ง
- Atazanavir (ATV)
- Darunavir (DRV)
แต่ผลข้างเคียงค่อนข้างมาก เช่น ไขมันพุ่ง ตัวเหลือง จึงไม่ค่อยใช้เริ่มใหม่

3) ยาต้านแบบฉีด Long-acting — เทรนด์ใหม่มาแรง
เป็นนวัตกรรมใหม่ที่เริ่มใช้หลายประเทศ แต่ยังไม่ถูกนำมาใช้ในประเทศไทย
Cabenuva® (Cabotegravir + Rilpivirine)
รูปแบบ:
- ฉีดทุก 1 เดือน หรือ
- ฉีดทุก 2 เดือน
จุดเด่น:
- ไม่ต้องกินยาทุกวัน
- เหมาะกับคนที่กินยาไม่ตรงเวลา
- ผลข้างเคียงน้อย
ข้อจำกัด:
- ต้องไม่มีประวัติดื้อ RPV
- ต้องมาตามนัดตรงเวลา ห้ามพลาด
ในอนาคตยาฉีดจะเป็นทางเลือกหลักของคนยุคใหม่ที่ไม่อยากกินยาเม็ดทุกวัน
เปรียบเทียบยารักษา HIV ยอดนิยมในปัจจุบัน
| ชื่อยา | จำนวนยาใน 1 เม็ด | ปริมาณ | จุดเด่น |
|---|---|---|---|
| ชื่อยา | จำนวนยาใน 1 เม็ด | ปริมาณ | จุดเด่น |
| Biktarvy | 3 | วันละ 1 | ดี สะดวก ผลข้างเคียงน้อย |
| Dovato | 2 | วันละ 1 | ลดภาระตับไต |
| Genvoya | 4 | วันละ 1 | อ่อนโยนต่อไต |
| Atripla | 3 | วันละ 1 | ราคาไม่แพง |
| Cabenuva | ฉีด | เดือนละ/2 เดือน | ไม่ต้องกินยา |
ยารักษา HIV รุ่นใหม่ มีอะไรบ้างที่กำลังถูกจับตามอง?
วงการแพทย์กำลังพัฒนาอีกหลายตัว เช่น
- ยาฉีดที่อยู่ในร่างกายได้นาน ทุก 3–6 เดือน
- ยาแบบแผ่นแปะ
- ยารุ่นใหม่ที่กินเพียง “สัปดาห์ละครั้ง”
อนาคตการรักษา HIV จะง่ายขึ้นเรื่อยๆ
การเลือก ยารักษา HIV ต้องดูอะไรบ้าง?
หลายคนคิดว่าแพทย์แค่จ่ายยาตามมาตรฐาน แต่จริงๆ มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา เช่น
- ภาวะไต TDF อาจกระทบไต ในคนไตอ่อนแอจะเลือก TAF หรือ Dovato
- ภาวะไขมันในเลือด ยาบางชนิดทำให้ไขมันสูง เช่น กลุ่ม PI
- โรคตับ ถ้ามีตับอักเสบทับซ้อน ต้องหลีกเลี่ยงบางกลุ่มยา
- การตั้งครรภ์ DTG & EFV เป็นตัวเลือกที่แพทย์พิจารณาเป็นพิเศษ
- ประวัติดื้อยา บางสูตรใช้ไม่ได้ถ้าดื้อยามาก่อน
- ความสะดวกในการกินยา คนที่ลืมยา → อาจเหมาะกับยาฉีด
ทำไมยารุ่นใหม่ถึงดีกว่ายารุ่นเก่ามาก?
เพราะยารุ่นใหม่ถูกออกแบบให้
- ผลข้างเคียงต่ำ
- สะดวก
- ใช้งานง่าย
- ปลอดภัยระยะยาว
- กดเชื้อให้ Undetectable ได้เร็วมาก
- ลดโอกาสดื้อยา
เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่ต้องกินวันละหลายเม็ด
ผลข้างเคียงเพียบ → ปัจจุบันการรักษา HIV เข้าใกล้คำว่า
“โรคเรื้อรังที่ควบคุมได้ง่าย” มากขึ้นเรื่อยๆ
ผลข้างเคียงของ ยารักษา HIV ต้องกังวลไหม?
ส่วนใหญ่ “น้อยมาก” และมักเกิดแค่ช่วงเริ่มต้น อาการที่พบได้ เช่น
- มึนเล็กน้อย
- ง่วง
- เวียนหัว
- คลื่นไส้
- นอนไม่หลับ
ถ้ารุนแรง → เปลี่ยนสูตรยาได้ ปัจจุบันแพทย์จะเลือกสูตรที่ผลข้างเคียงต่ำที่สุดให้ตั้งแต่แรก
อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
- ผู้ติดเชื้อเอชไอวี อยู่ได้นานกี่ปี ความเข้าใจผิดที่พบบ่อย
- ยาต้านไวรัสเอชไอวี เรื่องที่ควรคุณรู้เพื่อดูแลตัวเองอย่างมั่นใจ
ทำไมต้องตรวจ Viral Load และ CD4 ควบคู่กับการกินยา?
เพราะเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของการรักษา
Viral Load = จำนวนไวรัสในเลือด ถ้าต่ำจนตรวจไม่พบ (Under 20/40 copies) → ถือว่าควบคุมได้ดี
CD4 = เซลล์ภูมิคุ้มกัน ถ้าสูงขึ้น → ร่างกายกลับมาแข็งแรง
สูตรยาที่ดี + กินตรงเวลา = Viral Load ลดลงอย่างรวดเร็ว
ฉันต้องรักษาไปตลอดชีวิตไหม?
คำตอบคือ “ใช่” แต่ด้วยยารุ่นใหม่ การกินยาเพียงวันละ 1 เม็ด เป็นเรื่องง่าย เหมือนการกินวิตามินประจำ หากหยุดยาเอง → เชื้อเด้งทันที และอาจดื้อยา
ทำอย่างไรให้การรักษาได้ผลที่สุด?
- กินยาให้ตรงเวลา ตั้งปลุกก็ได้ กินเร็ว-ช้ากว่าปกติไม่เกิน 2 ชั่วโมง
- อย่าขาดยา หากลืม → ให้กินทันทีที่จำได้
- ไปพบแพทย์ตามนัด เพื่อตรวจเลือด และปรับยาให้เหมาะสม
- ดื่มน้ำเยอะๆ ช่วยลดผลข้างเคียง
- แจ้งแพทย์ทันทีถ้ามีอาการผิดปกติ

สรุป — ยารักษา HIV วันนี้ดีกว่าอดีตหลายเท่า
ยารุ่นใหม่ = กินง่าย วันละเม็ดเดียว
กดเชื้อไว และปลอดภัย
ผลข้างเคียงต่ำ
มีสูตรฉีดสำหรับคนที่ลืมบ่อย
การรักษาปัจจุบันช่วยให้มีชีวิตปกติได้ 100%
หากเพิ่งเริ่มต้นรักษา ไม่ต้องกังวลเลย เพราะแพทย์สมัยนี้จะเลือกสูตรที่ “ดีที่สุดและเหมาะที่สุด” ให้ตั้งแต่วันแรก
อ้างอิงข้อมูล:
✪ ยาต้านไวรัส (ARV) ที่ใช้รักษา HIV ในประเทศไทย ปี 2025: มีอะไรให้เลือกบ้าง
✪ ถ้าเป็น HIV ต้องรักษานานแค่ไหนถึงจะกลับมาเป็นปกติได้
✪ โรคเอดส์คืออะไร? แนะวิธีและช่องทางรับยาต้านเอชไอวี (HIV)




