วัคซีนทางเพศสัมพันธ์ มีอะไรบ้าง? ป้องกันโรคร้ายก่อนสายเกินไป

วัคซีนทางเพศสัมพันธ์ มีอะไรบ้าง? ป้องกันโรคร้ายก่อนสายเกินไป

ในยุคที่ความสัมพันธ์ทางเพศเปิดกว้างมากขึ้น “การป้องกัน” กลายเป็นเรื่องที่ควรพูดถึงอย่างตรงไปตรงมาและไม่ใช่เรื่องน่าอายอีกต่อไป เพราะสุขภาพทางเพศที่ดีไม่ได้มีแค่ “การใช้ถุงยาง” เท่านั้น แต่ยังมีอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยปกป้องเราได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว นั่นคือ “วัคซีนทางเพศสัมพันธ์” หลายคนอาจคิดว่าวัคซีนคือสิ่งที่ต้องฉีดเฉพาะตอนเด็ก เช่น วัคซีนหัด หัดเยอรมัน หรือโปลิโอ แต่ในความเป็นจริง วัคซีนมีบทบาทสำคัญมากใน “การป้องกันโรคที่ติดต่อผ่านเพศสัมพันธ์” ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะโรคที่มักไม่มีอาการในช่วงแรก แต่ส่งผลร้ายแรงในระยะยาว เช่น มะเร็งปากมดลูก ไวรัสตับอักเสบ หรือตุ่มหงอนไก่ บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจว่า “วัคซีนทางเพศสัมพันธ์” คืออะไร มีกี่ชนิด ควรฉีดเมื่อไร และช่วยป้องกันอะไรได้บ้าง — เพราะการรู้ก่อน คือการป้องกันก่อนสายเกินไป

Love2test

วัคซีนทางเพศสัมพันธ์ คืออะไร?

“วัคซีนทางเพศสัมพันธ์” หมายถึง วัคซีนที่ใช้เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อที่สามารถติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ เช่น ไวรัสตับอักเสบบี (HBV) ไวรัสตับอักเสบซี (HCV) และไวรัส HPV ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกและหูดหงอนไก่ การฉีดวัคซีนเหล่านี้จะช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันก่อนที่จะได้รับเชื้อจริง ทำให้ลดโอกาสติดโรคได้อย่างมาก บางชนิดให้ภูมิคุ้มกันยาวนานเป็นสิบปี กล่าวง่าย ๆ ว่า “วัคซีนทางเพศสัมพันธ์” คือเกราะป้องกันอีกชั้นหนึ่งของร่างกาย ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคร้ายแรงที่อาจเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์

“ChatLove2test"

ทำไมต้องฉีด วัคซีนทางเพศสัมพันธ์

ทำไมต้องฉีด วัคซีนทางเพศสัมพันธ์ ?

  1. เพราะบางโรคไม่มีอาการแต่ทำลายร่างกายเงียบ ๆ เช่น ไวรัสตับอักเสบบี ที่สามารถทำให้เกิดมะเร็งตับได้โดยไม่รู้ตัว
  2. เพราะบางโรคไม่มีวิธีรักษาหายขาด อย่างเช่น HPV — ถึงแม้จะรักษาอาการได้ แต่เชื้อยังคงอยู่ในร่างกาย
  3. เพราะการฉีดวัคซีนปลอดภัยและได้ผลระยะยาว เพียงไม่กี่เข็ม ก็สามารถป้องกันโรคได้ยาวนานหลายปี
  4. เพราะเป็นการดูแลตัวเองและคนที่คุณรัก การป้องกันก่อนดีกว่ามาเสียใจภายหลัง ไม่ว่าจะอยู่ในเพศไหนหรือรูปแบบความสัมพันธ์ใด

วัคซีนทางเพศสัมพันธ์ ที่สำคัญ มีอะไรบ้าง?

1) วัคซีน HPV (Human Papillomavirus)

รายการรายละเอียด
ป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก, มะเร็งทวารหนัก, มะเร็งช่องปาก, หูดหงอนไก่
ความสำคัญติดต่อได้ง่ายมากแม้ใช้ถุงยาง การป้องกันดีที่สุดคือการฉีดวัคซีน
ควรฉีดเมื่อไรอายุ 9–26 ปี (ดีที่สุดก่อนเริ่มมีเพศสัมพันธ์) / ผู้ใหญ่ก็ฉีดได้
จำนวนเข็ม<15 ปี: 2 เข็ม / ≥15 ปี: 3 เข็ม (0, 2, 6 เดือน)
ราคา2,000–4,000 บาท/เข็ม

2) วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B Vaccine)

รายการรายละเอียด
ป้องกันโรคตับอักเสบเรื้อรัง, ตับแข็ง, มะเร็งตับ จากเชื้อ HBV
ควรฉีดเมื่อไรเด็กแรกเกิดได้รับฟรี / ผู้ใหญ่ควรตรวจภูมิก่อน ถ้าไม่มีให้ฉีดทันที
จำนวนเข็ม3 เข็ม (0, 1, 6 เดือน)
จุดเด่นมีภูมิคุ้มกันยาวนาน 10–20 ปี

3) วัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A Vaccine)

รายการรายละเอียด
ป้องกันโรคตับอักเสบเอ ติดต่อผ่านอาหาร น้ำ หรือ oral–anal contact
ควรฉีดเมื่อไรกลุ่มเสี่ยง (เช่น MSM), ผู้เดินทางไปพื้นที่ระบาด, เด็ก–ผู้ใหญ่ทั่วไปรับได้
จำนวนเข็ม2 เข็ม ห่างกัน 6 เดือน
ราคา1,000–2,000 บาท/เข็ม

“PrEPLove2test"
วัคซีนทางเพศสัมพันธ์ ที่สำคัญ มีอะไรบ้าง

4) วัคซีนรวมตับอักเสบเอ–บี (Twinrix)

รายการรายละเอียด
จุดเด่นป้องกันทั้ง HAV และ HBV ในชุดเดียว
จำนวนเข็ม3 เข็ม (ตามแบบ Hepatitis B)
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวก ฉีดชุดเดียวได้ครบทั้งเอและบี

5) วัคซีนเริม (Herpes Vaccine) — อยู่ระหว่างการวิจัย

รายการรายละเอียด
สถานะปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนใช้จริง แต่มีงานวิจัยในสหรัฐฯ–ยุโรป
ป้องกันโรคHSV-1 และ HSV-2 (เริมปาก + เริมอวัยวะเพศ)
ทางเลือกปัจจุบันใช้ถุงยาง หลีกเลี่ยงการสัมผัสช่วงมีแผล

ใครควรฉีดวัคซีนทางเพศสัมพันธ์

  • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ (ไม่ว่าจะชายหญิง หรือเพศหลากหลาย)
  • คู่รักที่กำลังจะแต่งงานหรือวางแผนมีบุตร
  • ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย (MSM)
  • ผู้ที่ใช้ฮอร์โมนยืนยันเพศ
  • ผู้ที่ทำงานในวงการสุขภาพหรือมีความเสี่ยงสัมผัสเลือด
  • ผู้ที่ไม่แน่ใจว่าเคยฉีดวัคซีนมาก่อนไหม

ฉีดวัคซีนทางเพศสัมพันธ์แล้ว ยังต้องตรวจสุขภาพอยู่ไหม

คำตอบคือ “ต้อง” เพราะวัคซีนไม่สามารถป้องกันได้ทุกโรค เช่น หนองใน หนองในเทียม ซิฟิลิส หรือ HIV ดังนั้น การตรวจสุขภาพทางเพศอย่างสม่ำเสมอยังเป็นสิ่งจำเป็น ควรตรวจทุก 6–12 เดือน โดยเฉพาะผู้ที่มีคู่นอนหลายคน หรือมีพฤติกรรมเสี่ยง

ข้อควรรู้ก่อนฉีดวัคซีนทางเพศสัมพันธ์

  1. ควรตรวจสุขภาพก่อนฉีด โดยเฉพาะการตรวจว่ามีภูมิคุ้มกันตับอักเสบบีอยู่แล้วหรือไม่
  2. แจ้งแพทย์หากตั้งครรภ์ กำลังให้นมบุตร หรือแพ้วัคซีนชนิดใด
  3. ควรเว้นระยะห่างตามที่แพทย์กำหนดหากต้องฉีดหลายชนิดในเวลาใกล้กัน
  4. หลังฉีดอาจมีอาการข้างเคียงเล็กน้อย เช่น ปวดแขน มีไข้ต่ำ หรือบวมเล็กน้อย ซึ่งจะหายเองภายใน 1–2 วัน

ดูแลสุขภาพทางเพศแบบครบวงจร

การฉีดวัคซีนทางเพศสัมพันธ์เป็นเพียง “หนึ่งในเครื่องมือป้องกัน” ที่ช่วยเสริมความปลอดภัย แต่ไม่ได้แทนที่การใช้ถุงยาง การตรวจสุขภาพประจำปี หรือการสื่อสารอย่างเปิดใจกับคู่นอน สุขภาพทางเพศที่ดีเกิดจากการดูแลแบบรอบด้าน ได้แก่

  • ป้องกันด้วยถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
  • ตรวจสุขภาพทางเพศสม่ำเสมอ
  • ฉีดวัคซีนทางเพศสัมพันธ์ครบตามกำหนด
  • มีเพศสัมพันธ์อย่างเคารพและปลอดภัย

อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

วัคซีนทางเพศสัมพันธ์ ป้องกันได้มากกว่าที่คิด

สรุป: วัคซีนทางเพศสัมพันธ์ ป้องกันได้มากกว่าที่คิด

หลายคนอาจคิดว่า “ฉีดวัคซีนตอนเด็กก็พอแล้ว” แต่ในความเป็นจริง วัคซีนสำหรับผู้ใหญ่ โดยเฉพาะ วัคซีนทางเพศสัมพันธ์ เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะช่วยป้องกันโรคร้ายแรงได้หลายชนิด ทั้งมะเร็งตับ มะเร็งปากมดลูก และหูดหงอนไก่ ยิ่งฉีดเร็วเท่าไร ยิ่งป้องกันได้มากเท่านั้น เพราะบางเชื้อจะสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีที่สุด “ก่อน” ที่ร่างกายจะเคยสัมผัสเชื้อนั้น

อ้างอิงข้อมูล:

หยุดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ด้วยวัคซีนที่ทุกเพศควรรู้
เพศชายควรฉีดวัคซีนไวรัสเอชพีวี
รู้หรือไม่! วัคซีน HPV ก็จำเป็นสำหรับชาว LGBTQ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save
Scroll to Top